วิธีบอกลาผิวแห้ง เริ่มก่อนที่จะสาย
อาการผิวแห้งสามารถก่อความรำคาญให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบคันผิวแห้งกร้านแลได้ไม่สวยงาม ผิวของคุณอาจรู้สึกตึง
อาการผิวแห้งสามารถก่อความรำคาญให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบคัน และผิวแห้งกร้านแลได้ไม่สวยงาม ผิวของคุณอาจรู้สึกตึง และเจ็บ ซึ่งอาการมีอาการผื่นแดงขึ้นมา ที่สำคัญอาากรคันที่ทำให้คุณต้องเกาเบา ๆ ก็ทำให้เสียบุคคลิกได้มากทีเดียว นอกจากจะดูไม่ดีแล้วยังดูเหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง และเป็นที่น่ารังเกียจได้เช่นกัน
อาการผิวแห้งกร้านนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุ และวิธีการป้องกันแก้ไข เพื่อให้คุณสามารถบอกลาผิวแห้งได้ดังใจต้องการ ผิวหนังของเราคือปราการด่านแรงที่ร่างกายมีไว้ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ หากคุณปล่อยให้ผิวของคุณแห้งกร้าน แตกระแห้งเหมือนพื้นดิน คุณก็อาจติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ ซึ่งการติดเชื้อเหล่านี้สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ใหญ่กว่าได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณต้องการที่่จะใช้ชีวิตให้มีสุขภาพที่ีดี การดูแลเอาใจใส่ผิวก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
เมื่อเกิดอาการผิวแห้งไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสัญญาณบอกอาการของโรค หรือการติดเชื้อในทันที แต่ม้นอาจเป็นแค่อาการที่เกิดจากการแพ้สบู่ ใช้สบู่ที่แรงเกินไป ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้เกิดอาการคัน ใช้โลชั่นที่ไม่ถูกต้องต่อผิว หรืออาจเป็นอาการที่เกิดจากการอาบน้ำร้อนนานเกินไปก็เป็นไปได้
นอกจากสาเหตุที่ข้างต้นแล้ว อาการผิวแห้งอาจเป็นอาการเกิดของโรคที่คุณกำลังเป็นอยู่ เช่นยาโรคเบาหวาน, ไฮโปไทรอยด์ และ ขาดสารอาหารเป็นต้น
ทำความเข้าใจกับผิวแห้ง
มาทำความเข้าใจกันก่อน โดยปกติผิวที่มีนุขภาพดีจะถูกห่อหุ้ม เหลือฉาบไปด้วยไขมันธรรมชาติ เพื่อเก็บกักไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไป และทำให้เนียนนุ่ม สาเหตุของการเกิดผิวแห้งสามารถเกิดขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมบางอย่าง หรือเกิดจากการกระทำของคุณเอง ซึ่งทำให้ไขมันที่ว่านี้หายไป หรือมีน้อยเกินไป จึงเกิดเป็นอาการผิวแห้ง ในบางกรณีซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้น อาจเกิดจากการเจ็บป่วยเป็นโรคบางอย่างภายในร่างกาย
อาการผิวแห้งมักเกิดที่แขน, มือ, ขา และหน้าท้อง โดยปกติแล้วอาการจะไม่รุนแรงนัก แต่ในบางกรณีอาจเป็นผื่นคัน และเป็นจัดสังเกตุบนผิวไม่น่าดู ทำให้คุณอายเวลาใส่ชุดว่ายน้ำได้เช่นกัน สำหรับคนที่มีผิวคล้ำอาการผิวแห้งจะยิ่งสังเกตุได้ชัด มากกว่าคนผิวขาว และหากดูแลรักษาไม่ถูกวิธีก็อาจนำไปสู่โรคผิวหนังได้ ซึ่งโรคเหล่านี้เกิดจากการติดเชื้อของผิวนั่นเอง ข่าวดีก็คืออาการผิวแห้งที่เกตุจากปัจจัยภายนอกร่ายกาย ซึ่งไม่ได้เกิดจากการเจ็บป่วยสามารถรักษาให้หายได้ไม่ยากนัก สิ่งที่คุณต้องทำก็คือเริ่มต้นดูแลผิวให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ปัญหาผิวแห้งก็จะไม่มากวนใจคุณอีก
ใช้ และเลือกโลชั่นให้ถูกวิธี
การใช้โลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นที่ถูกวิธีจะต้องใช้หลังจากผิวแห้งสนิท ไม่ใช่อาบน้ำเสร็จก็มาทาทันทีทั้ง ๆ ที่ผิวยังไม่แห้งพอเพราะจะทำให้ความชุ่มชื้นใน โลชั่นไม่สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีพอ ดังนั้นคุณควรรอให้ผิว และเนื้อตัวแห้งสะก่อนโดยใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดให้แห้ง จากนั้นอาจรอซักพักจึงค่อยมาทา โลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สิ่งที่ควรระวังอีกประการหนึ่งคือ ผ้าเช็ดตัวที่ใช้ไม่ควรจะอับชื้นเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผิวของคุณเช่นกัน
นอกจากนี้คุณจะต้องเลือกโลชั่นให้ถูกประเภท สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งมากควรเลือกโลชั่นที่มีความชุ่มชื้นมากหน่อย ที่สำคัญโลชั่นเหล่านี้ไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์กซึ่งจะทำให้ผิวแห้งมากกว่าเดิม โดยปกติของถูก ๆ มักมีส่วนผสมที่ไม่ดีนัก ควรเลือกใช้ของที่ดีซักหน่อย และสังเกตุดูส่วนผสมของโลชั่นให้ดีก่อนเลือกซื้อ โลชั่นควรมีความหนาของเนื้อโลชั่นระดับหนึ่ง และควรมีความเป็นมันวาวเมื่อถาลงสู่ผิว เพื่อที่จะสามารถช่วยคุณเก็บกัก่ความชุมชื้นที่ผิวต้องการไว้ได้
วิธีการทดสอบโลชั่นอย่างหนึ่งคือ ให้คุณบีบหรือเทโลชั่นลงบนฝ่ามือ จากนัั้นให้หงายฝ่ามือ่ชึ้น ถ้าโลชั่นไหลหยดย้อยลงสู่พื้น นั่นหมายความว่าเนื้อครีมของโลชั่นไม่หนาพอ ทำให้โลชั่นควรนั้นไม่สามารถเก็บกักความชุ่มชื้น และแก้ปัญหาผิวแห้งของคุณได้
เมื่ออากาศเย็น และแห้ง
อากาศแห้ง และเย็นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของอาการผิวแห้ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าหนาวที่มาถึง หรือการใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวแห้งได้เช่นกัน สิ่งที่ทำให้อาการผิวแห้งคันเลวร้ายขึ้นไปอีกคือ การอาบน้ำร้อนในหน้าหนาว ซึ่งจะยิ่งทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่นอย่างมาก วิธีการแก้ไขคือคุณจะต้องไม่เปิดแอร์เย็นเกินไป และไม่อาบน้ำร้อนที่ร้อนจนเกินไป นอกจากนี้คุณควรใช้โลชั่นอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์ทุกวัน คุณอาจพกขวดโลชั่นไปทาที่ทำงาน และทาอีกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จที่บ้าน
อากาศเย็นไม่ว่าจะเกิดจากฤดูหนาว หรือเกิดจากความเย็นของแอร์ จะสามารถให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นด้านใน หรือนอกร่มผ้า ดังนั้นคุณควรเอาใจใส่ผิวของคุณในร่มผ้าด้วยเช่นกัน
ดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ
ร่างกายของเราเสียความชุ่มชื้นตลอดเวลา การดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายของคุณสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวขึ้นมาทดแทนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปได้ ย นอกจากการดื่มน้ำจะช่วยให้ในเรื่องของผิวพรรณแล้ว การดื่มน้ำวันละ 8 แก้วยังช่วยให้เรื่องของการขับถ่าย และสุขภาพในด้านต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย
เลือกใช้สบู่ให้ถูกต้องกับผิว
ปัญหาอย่างหนึ่งของผู้ที่มีผิวแห้งหลุดลอกก็คือ ใช้สบู่ไม่ถูกต้องกับสภาพผิว สบู่สามารถล้างไขมันที่คอยปกป้องผิว ทำให้ผิวเกิดอาการแห้งคันขึ้นมาได้ โดยเฉพาะเมื่อเราฟอกสบู่มากเกินไป ผิวของเราจะยิ่งแห้ง ในความเป็นจริงร่างกายของเราอาจไม่ได้สกปรกติอย่าที่เราคิด จึงไม่จำเป็นต้องขัดถูสบู่ให้มาก หรือนานจนเกินพอดี เพื่อให้คุณไม่สูญเสียความชุ่มชื้นของผิวไปกับการฟอกสบู่นั่นเอง
เรามักถูกสอนมาว่าให้ฟอกสบู่ ล้างมือ ล้างเท้าบ่อย ๆ เพื่อให้สะอาดปราศจากโรค แต่หากไม่ระวังและล้างมือบ่อยเกินความจำเป็นก็สามารถทำให้มือแห้งแตก มีเลือดออกได้ ซึ่งจะยิ่งเป็นอันตราย เพราะผิวที่แห้งแตกจะก่อให้เกิดอาการติดเชื้อตามมาในภายหลัง
การเลือกซื้อสบู่ และการใช้งานที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญในการดูแลผิวอย่างมาก สบู่ที่มีความรุนแรงจัดๆ เช่นสบู่ที่เน้นกำจัดกลิ่นตัว สบู่ที่ทำมาเพื่อต่อต้านแบคทีเรียโดยเฉพาะ สบู่เหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกสะอาด และสบายตัว แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ผิวของคุณแห้งกร้านได้มากกว่าสบู่ชนิดอื่น
การเลือกสบู่เพื่อดูแลผิวที่มีอาการแห้งกร้านั้น ควรเลือกสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือเลือกสบู่เด็ก ที่ไม่รุนแรงต่อสภาพผิว นอกจากนี้คุณสามารถเลือกใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
โดยสรุปแล้วการดูแลผิวเป็นสิ่งเรามักละเลย ไม่ให้ความสำคัญ เพียงแค่คุณหันมาเปลี่ยนการใช้ชีวิต ใช้โลชั่นให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศแห้งๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และเลือกใช้สบู่ให้ถูกต้อง เพียงเท่านี้คุณก็จะมีผิวที่สวยงาม และดูมีน้ำมีนวลน่ามอง
http://lifestyle.th.msn.com/health/fitness/article.aspx?cp-documentid=4569262
กินอย่างไรเพื่อหุ่นสวย สุขภาพดี
ชีวิตของคุณควรจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สดชื่น รับประทานอาหารที่โปรดปรานได้โดยไม่ต้องคอยห้ามใจตัวเองเพราะกลัวอ้วน
เราจะบอกว่าคุณสามารถดูแลรูปร่างของคุณให้ดีอยู่เสมอได้ ถ้าคุณรู้จักการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้สมดุลแก่ร่างกาย .... มาพบกับเคล็ดลับดีๆ ในการรักษาหุ่นสวยโดยไม่ต้องเหนื่อยกันเลยค่ะ
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อสุขภาพและรูปร่างที่สวยงามดังใจ
พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple carbohydrate) ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีสารชนิดอื่นประกอบอยู่ในโมเลกุลเลย ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าไปแทบทันทีที่มันตกถึงท้อง โดยไม่ต้องเสียเวลาย่อย คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว หาได้จากอาหารเสริมจำพวกโปรตีน, กรดอะมิโน ,พิซซ่าใส่เนยที่ปราศจากไขมัน , แพนเค้ก , ขนมปังซิเลียใส่ใส้ไก่งวง น้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรุคโตสซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยว (simple carbohydrate) น้ำตาลในขนมหวาน น้ำหวานเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวเช่นกัน และเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้มากขึ้น(Complex carbohydrate) คือ คาร์โบไฮเดรตที่มีสารชนิด อื่น ๆ เช่น ไขมัน หรือ โปรตีน ประกอบอยู่ในโมเลกุลด้วย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เป็นคาร์โบไฮเดรตที่แตกตัวยาก หาได้จากข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, ถั่ว, ผักสีเขียว และเหลือง, ผักต้ม, มันหวาน ,ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ธัญพืช เมล็ดถั่ว (ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว เป็นต้น) และผักที่มีแป้งสูง ได้แก่ ผักหัวต่างๆ ผลไม้ ทั้งนี้เพื่อให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น คุณควรรับประทานข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง หรือขนมปังธัญพืชแทนขนมเค้ก และโดนัท เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เวลาที่คุณรับประทานอาหารที่หวานมากๆ ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินออกมามากขึ้น อินซูลินจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดลดลงเพื่อให้ร่างกายดูดซึมเอาไปใช้หรือนำไปเก็บไว้เป็นไขมัน อินซูลินยังมีส่วนทำให้การเผาผลาญน้ำตาลไปใช้ในร่างกายลดลงและทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
นอกจากนี้เมื่อร่างกายผลิตอินซูลินออกมาในปริมาณมาก ก็จะมีผลไปที่สมองทำให้เรารู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้น ตับจะผลิตไขมันมากขึ้นและเซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้องจะเพิ่มปริมาณขึ้น คุณสามารถป้องกันอาการเหล่านี้ได้ถ้าคุณเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนซึ่งร่างกายต้องใช้เวลามากขึ้นในการย่อยและดูดซึม ระดับน้ำตาลในเลือดจะอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และคุณก็จะไม่รู้สึกหิวบ่อยๆอีกต่อไป
ติดตามเรื่อง การกินอย่างไรเพื่อหุ่นสวย สุขภาพดี ตอนที่ 2 ที่จะพูดถึงการคุณประโยชน์ของอาหาร
ที่มาข้อมูล : วี สลิม บิวตี้ สปา (Vie Slim Beauty Spa)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น