Money In Stocks - ออมเงินในหุ้น

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ศัพท์หุ้น


คำศัพท์หุ้น

ก่อนหน้าที่ผมจะเปิดพอร์ตหุ้นก็ได้หาข้อมูลและอ่านหนังสือเป็นระยะ เพื่อที่จะเข้าซื้อหุ้นโดยที่ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดด้วยความที่เป็นมือใหม่ และจะเปิดช่อง money channel ดูตลอด ปัญหาที่เกิดคือ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จะพูดภาษาอังกฤษและศัพท์เฉพาะหลายคำที่ฟังแล้วไม่เข้าใจความหมาย คำศัพท์ส่วนใหญ่นักลงทุนโดยทั่วไปจะทราบกันดีอยู่แล้ว จะแชร์ให้กับมือใหม่ที่ยังไม่ทราบนะครับ

คำที่ได้ยินบ่อยและเขียนไปแล้วคือ sideway ก็งงอยู่นานว่าแปลว่าอะไร แล้วมารู้ว่าคือ การที่ราคาหุ้นจะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง ราคาเปลี่ยนแปลงอยู่ในกรอบแคบๆ ทำให้เราตัดสินใจเข้าซื้อไม่ได้

และสองคำที่ต้องได้ยินทุกวัน แนวรับ กับ แนวต้าน คือ ช่วงราคาคาดการณ์ว่าเป็นราคาต่ำสุดและสูงสุดที่หุ้นตัวนั้น หรือดัชนี SET ที่จะขึ้นลงในระหว่างวัน

 

SET – The Stock Exchange of Thailand ตลาดหุ้นหลัก, MAI – Market for Alternative Investment ตลาดหุ้นรองสำหรับธุรกิจ SME โดยนักลงทุนสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ทั้งสองตลาด

ติดดอย - การซื้อหุ้นที่ราคาขาขึ้น แล้วหุ้นตัวนั้นกลับเป็นขาลงในวันต่อมา แล้วเราไม่ได้ขายออกไป ทำให้ราคาหุ้นที่ซื้อไว้สูงกว่าราคาปัจจุบัน

ขายหมู - เมื่อเราซื้อหุ้นมาแล้ว ราคาหุ้นตัวนั้นขึ้นไปเรื่อยๆ เราเห็นว่าถ้าไม่ขายอาจจะ ติดดอย ได้ เราจึงตัดสินใจขายออกไป แต่แล้วหุ้นตัวนั้นราคาขึ้นต่อไปอีก ทำให้เราเสียดายและดูอ่อนหัด

Winning Ugly – เมื่อขายหมูไปแล้วก็ให้มันแล้วไป อย่างน้อยก็ยังได้กำไรแม้ว่าจะ ชนะแบบไม่สวยนัก

Cut loss – ตัดขาดทุน เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาตก เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด ส่วน Stop loss บางที่เราคิดว่าหุ้นตัวนั้นราคาตกลงไปแล้วน่าจะกลับขึ้นมาได้ แต่มันยังลงต่อไป จึงจำต้องขายทิ้งเพื่อไหยุดการขาดทุนไม่ให้มากไปกว่านี้

Bullish – ตลาดกระทิง ตลาดหุ้นขาขึ้น, Bearish – ตลาดหมี ตลาดหุ้นขาลง

Overbought – มีการเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นจำนวนมากเกินไปแล้ว จะทำให้เกิดการขายหุ้นตัวนั้นออกมาเพื่อทำกำไร และ Oversold คำคู่กันแต่ตรงข้าม มีการขายหุ้นตัวนั้นออกมามากเกินไปแล้ว เป็นจุดต่ำสุดที่หุ้นมีโอกาสจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

XD – Excluding Dividend เครื่องหมายแจ้งว่าหุ้นตัวนั้นปิดบัญชีเพื่อที่จะจ่ายปันผล ถ้าซื้อในวันที่ขึ้นเครื่องหมายจะไม่ได้สิทธิ์รับเงินปันผล

SP – Trading Suspension เครื่องหมายแจ้งให้หยุดการซื้อขายหุ้นตัวนั้นชั่วคราว เนื่องจากเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น เช่น เร็วๆ นี้หุ้น MAKRO ขึ้น SP เพราะมีการซื้อขายหุ้นจำนวนมาก (Big lot) โดย CPALL

Capital gain – ส่วนต่างของราคาหุ้นระหว่างราคาที่ซื้อมากับราคาที่ขายออกไป, Dividend เป็นเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่เราถือครองอยู่ การลงทุนในหุ้นจึงมีผลตอบแทนในสองรูปแบบนี้

LTF - Long Term Equity Fund กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ที่ต้องซื้อขายกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เราเปิดพอร์ตลงทุน ไม่สามารถเทรดได้เหมือนหุ้นในตลาดหรือกองทุน ETF โดย บล. จะเป็นผู้นำเงินของเราไปลงทุนในกองทุนนั้น และจ่ายปันผลให้เราตามผลประกอบการที่ทำได้

RMF - Retirement Mutual Fund กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซื้อผ่าน บล. ของเราได้เช่นกัน

ETF - Exchange Traded Fund กองทุนรวมเปิด เป็นกองทุนรวมที่สามารถเข้าซื้อขายได้เหมือนหุ้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการถือครองเหมือน LTF เวลาที่ผมไม่รู้ว่าจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหนดี ก็เข้า ETF นี้แหละครับ และกะว่าจะใช้เป็นการลงทุนระยะยาว

System trade – ระบบการซื้อขายหุ้นด้วยโปรแกรมช่วยในการเข้าซื้อขายหุ้นในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม มีการแจ้งเตือนและซื้อขายอัตโนมัติเพื่อให้ได้กำไรมากสุดและขาดทุนน้อยที่สุด ผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบนี้ พูดไว้ว่า “เป็นความอยุติธรรมอย่างยิ่งสำหรับเหล่าแมงเม่า ที่ต้องเข้ามาเป็นเหยื่อของผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าและเครื่องมือที่ดีกว่าในตลาดหุ้น” ฟังแล้วหนาวเลย

เส้นค่าเฉลี่ยราคาหุ้น – เป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าซื้อขายหุ้น มีหลายรูปแบบ เช่น EMA, MACD ต้องศึกษาเพิ่มเติม เส้นที่นิยมใช้ เช่น เส้นค่าเฉลี่ย 10วัน 25วัน 75วัน


 แท่งกราฟรูปคลื่นคือค่า divergence

Divergence – ค่าความไม่สอดคล้องของราคาหุ้นกับดัชนีที่นำมาใช้ร่วมวิเคราะห์หุ้น ค่าความไม่สอดคล้องค่าบวก หรือ Bullish divergence เป็นสัญญาณในการเข้าซื้อหุ้นได้ เพราะราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง

IPO – Initial Public Offering การเสนอขายหุ้นที่เข้าตลาดในวันแรก


คลิ๊กภาพขยาย

Head and Shoulder – รูปแบบของกราฟมียอดและมีไหล่ จะเป็นกราฟที่ทำให้เกิดการกลับตัวของหุ้นในทางตรงกันข้าม

หุ้นขี้บุหรี่ – หุ้นตัวที่ราคาและมูลค่าต่ำ ไม่น่าเข้าลงทุน

หุ้นข้าวมันไก่ – เพิ่งจะได้ยินวันนี้ สมมุติถ้าเราซื้อหุ้นร้านข้าวมันไก่ไว้ แต่ราคามันดันตกลงมา เราก็เห็นลูกค้ายังเยอะอยู่เหมือนเดิม ร้านมีการเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวไก่เข้ามาด้วย แล้วทำไมราคามันถึงตก ถ้าเราเห็นว้าหุ้นตัวนั้นกิจการยังดีอยู่ จงเชื่อมันและถือต่อไป

หุ้นห่านทองคำ – ถ้าเราเลือกหุ้นที่ดีแล้ว หุ้นตัวนั้นจะมีปันผลดีๆ ให้เราทุกปี เหมือนห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ

Fair value – ราคาประมาณการมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้น ดูร่วมกับค่า P/E ได้ว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงไปกับมูลค่าที่ควรจะเป็น ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์แต่ละแห่งจะให้ไว้ไม่เท่ากัน เนื่องจากเป็นการประมาณการมูลค่าจากราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

VI – Value Investors นักลงทุนเน้นคุณค่า นักลงทุนที่ซื้อหุ้นเพื่อต้องการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ได้เลือกแล้วว่าเป็นกิจการที่ดี มีอนาคต ได้รับปันผลที่เหมาะสม ถือหุ้นนั้นในระยะยาวและพร้อมที่จะเติบโตไปกับบริษัท ไม่เน้นที่การเก็งกำไรในราคาหุ้น

ช่างหัวไซปรัส – อันนี้เป็นวลีของ VI ที่บอกว่าเศรษฐกิจต่างประเทศไม่เกี่ยวกับการลงทุนในระยะยาว ไซปรัสจะสั่งปิดธนาคาร หรือขายทองคำสำรองของประเทศออกไปก็ช่างหัวไซปรัส ไม่เกี่ยวกับหุ้นที่เราซื้อไว้ ที่ขายสินค้าให้กับคนในประเทศ

ช่างหัวบาทแข็ง
ช่างหัวทองลง


By zurristic












AgeLoc Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา










วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

พอร์ตหุ้น 70:30


พอร์ตหุ้น 70:30

มีนักลงทุนสาย VI แนะนำว่า พอร์ตการลงทุนของเราอาจจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ การลงทุนระยะสั้น 30% มีการซื้อขายเพื่อให้ได้ส่วนต่างของราคา และระยะยาว 70% โดยถือยาวเพื่อรอรับเงินปันผล โดยอาจจะมีกองทุน LTF ในพอร์ตด้วยก็ได้ ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะเป็นกองทุนแบบกี่ปี จะเป็น 1ปี 3ปี หรือ 5ปี

ถ้าจะมีการลงทุนในทองคำในส่วน 30% และถ้าเลือกลงทุนใน Gold future จะมีข้อจำกัดในเรื่องของเงินลงทุน แม้ว่าจะวางเงินสดเพียง 10% ของมูลค่าทองคำที่ซื้อขาย เช่น 1 สัญญาที่ 10บาททองคำ เป็นเงิน 10x20,500=205,000บาท ก็จะต้องวางเงิน 20,500 บาท สำหรับมือใหม่ก็พอจะลงทุนได้ แต่เมื่อขายออกจะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน 2xx,xxx บาท และได้กำไรจากส่วนต่างของราคาที่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ขึ้นกับว่าคุณคาดการณ์และซื้อสัญญาในราคาใด ซึ่งมันจะใช้เงินลงทุนเยอะพอควรสำหรับมือใหม่ และมีค่าธรรมเนียมสัญญาละ 100บาท และ 500บาท สำหรับสัญญาทองคำหนัก 50บาท

สำหรับผมตั้งใจว่าจะพยายามให้เป็นพอร์ตแบบ 50:50 ถ้ายังทำไม่ได้จะพยายามลดการซื้อขายให้จำนวนครั้งน้อยลง ในตอนนี้มันอาจจะเป็นแบบ ยาว30:สั้น70 เหตุเพราะการรอปันผลจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากสำหรับมือใหม่ การเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาจึงจำเป็นสำหรับผม โดยการได้กำไรที่ 10%ต่อเดือน เป็นเรื่องที่มือใหม่สามารถทำได้ แต่การเก็งกำไรจะต้องมีเวลาติดตามหุ้นแต่ละตัว โดยเฉพาะช่วงขาลงที่จะต้องตัดขาดทุน โดยเราสามารถใช้โปรแกรมซื้อขายอัตโนมัติช่วยได้ถ้าไม่ได้ติดตามหุ้นตลอดเวลา

ในช่วงนี้ตลาด SET กลับมาเป็นขาขึ้นและกำลังจะทดสอบ 1,600จุด อีกครั้ง หลังจากที่ครั้งก่อนเกิดการตื่นขาย (Panic sell) หุ้นตก 120จุด การเข้าซื้อขายหุ้นในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวัง เพราะมีทั้งเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า และราคาทองคำที่ต่ำลง เข้ามามีผลกับตลาดหุ้นเป็นระยะๆ

สำหรับมือใหม่ที่คิดจะลงทุนในระยะยาว และเน้นที่การรับปันผล ก็ไม่จำเป็นจะต้องทำกำไรจากการซื้อขายเพื่อให้ได้ส่วนต่างของราคา เลือกหุ้นตัวที่กิจการดี จ่ายปันผลทุกปี และเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปในพอร์ตเพื่อให้พอร์ตโตขึ้น และได้รับปันผลเพิ่มมากขึ้น

VI พูดถึงการลงทุนระยะยาวว่า ถ้าร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณขายดีมากจนต้องเปิดสาขาเพิ่ม คุณจะขายร้านให้คุณอื่นหรือป่าว คือเปรียบเทียบกับการซื้อขายหุ้นแบบเก็งกำไร การถือหุ้นของบริษัทที่ดี เหมือนมีห่านทองคำที่จะออกไข่ทองคำให้เราเป็นประจำ ถ้าเราขายห่านตัวนั้นทิ้งไปแล้วจะได้ไข่ทองคำมาจากไหน ไม่ต้องไปสนใจเศรษฐกิจต่างประเทศว่าจะเป็นยังไง เพราะเราถือหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าให้คนไทย VI จะไม่ขายหุ้นเพื่อเก็งกำไร จะขายก็ต่อเมื่อเห็นว่าหุ้นของบริษัทนั้นมีกิจการที่ไม่น่าจะมีอนาคตแล้ว การแบ่งพอร์ตลงทุนทั้งระยะสั้นและยาวจึงจำเป็น ถ้าเราต้องการที่จะมั่งคั่งไปกับการลงทุนในหุ้นโดยเฉพาะกับมือใหม่




ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเมืองในอีกเว็บบล็อกหนึ่งของผมว่า การประท้วงทางการเมืองก็จะกระทบกับประชาชนและร้านค้าแถวๆ ที่ชุมนมบ้าง และก็จะกระทบกับตลาดหุ้นบ้าง ซึ่งคนเล่นหุ้นเป็นคนส่วนน้อยของประเทศสักประมาณ 10%ของประเทศ ถ้าการชุมชนนั้นจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น การได้รับผลกระทบจาการชุมชนของภาคธุรกิจจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขียนประมาณนี้

แต่แล้วผมกลายมาเป็นคนเล่นหุ้น ไม่อยากให้มีการชุมนุมประท้วง อยากจะให้หุ้นขึ้นทุกวัน เงินบาทให้พอดีๆ ไม่แข็งเกินไป ทองคำก็ให้ราคากลับมาเป็นเหมือนเดิม ตลาดหุ้นต่างประเทศอยากให้เขียวทุกๆ วัน การเมืองก็ให้นิ่งๆ นโยบายการลงทุนของรัฐบาลถ้าผ่านได้ก็จะดี แม้ว่าหลายฝ่ายมองว่าเป็นการผลาญเงินภาษีของประเทศ และมีบางคนบอกว่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงอาจจะสร้างไม่สำเร็จ เพราะโครงการนานเกินกว่ารัฐบาลชุดนี้ และรัฐบาลอาจหวังเพียงค่าคอมมิชชั่นแล้วปล่อยโครงการไปตามยถากรรม

ในทีวีวิทยากรรับเชิญพูดว่า เราอาจจะนั่งรถไฟความเร็วสูงจากโคราชเข้ามาทำงานในกรุงเทพได้ทุกๆ วันเลย ได้อยู่กับครอบครัวไม่ต้องเขามาอยู่ในกรุงเทพ ไม่รู้มีข้อมูลก่อนพูดหรือป่าวว่าค่าโดยสารจะเป็นเท่าไหร่ ถ้าเป็นเที่ยวละ 500บาท ถามว่าจะนั่งเข้ามาได้ทุกวันจริงเหรอ เงินเดือนจะเหลือหรือป่าว เนื่องจากต้นทุนของรถไฟความเร็วสูงที่ 1.6ล้านล้านบาท จุดคุ้มทุนที่จะได้จากค่าโดยสารจะเป็นเท่าไหร่ ใครตอบได้บ้าง


ในต่างประเทศรถไฟความเร็วสูงจะเป็นคู่แข่งของเครื่องบิน เพราะไม่ต้องเสียเวลาเช็คอิน รวมเวลาเดินทางเปรียบเทียบกันแล้ว เดินทางด้วยรถไฟเร็วสูงจะถูกกว่าและใช้เวลาใกล้เคียงกับเครื่องบิน เช่น ถ้านั่งเครื่องบินจากหนองคายมากรุงเทพใช้เวลา 2ชั่วโมง รวมเช็คอิน รถไฟเร็วสูงอาจใช้เวลาน้อยกว่า 3ชั่วโมง ที่ความเร็ว 250-300กม./ชม.

ถ้าเราเอาราคาตั๋วของเครื่องบิน Low cost มาเป็นตัวเทียบ รถไฟฟ้าความเร็วสูงอาจจะมีค่าโดยสารประมาณ 1,000บาท สำหรับเส้นทาง หนองคาย-กรุงเทพ เพราะถ้าราคาแพงกว่าเครื่องบินเราจะขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงด้วยเหตุผลอะไร หนังสือพิมพ์รายงานว่าเส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพ ประมาณการว่าราคาเที่ยวละ 1,737บาท ไปแอร์เอเชีย 1,743บาท เลือกอะไรดี?? ถ้าไปเครื่องบินก็จะถึงเร็วกว่าด้วยราคาพอๆ กัน ...จบข่าว...

นอกจากนี้การก่อสร้างถนน และการบริหารจัดการน้ำ ภายใต้งบประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท แม้แต่สภาพัฒนาเศรษฐกิจฯ เองก็ออกมาบอกว่าโครงการทั้งหมดนี้จะไม่คุ้มทุน แต่มหาโปรเจคนี้ก็มีผลต่อตลาดหุ้นในทางบวกอย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง


กลายเป็นคนส่วนน้อยไปแล้วเรา


By zurristic









แนะนำหนังสือ
เล่มนี้เก่าไปหน่อยแต่พอจะใช้สำหรับการเริ่มต้นลงทุนในทองได้

ในการเก็งกำไร เล่มนี้จะมีรายละเอียดมากกว่าเล่มก่อนที่แนะนำไป สำหรับการดูกราฟหุ้น
เล่มนี้ Recommended เลยครับ












AgeLoc Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา