ทฤษฎีผลประโยชน์หุ้น

ทฤษฎีระบบผลประโยชน์สำหรับตลาดหุ้น


การสร้างทฤษฎีขึ้นมาใหม่เพื่อให้มีการยอมรับในระดับสากล ผู้คิดทฤษฎีจะมีการศึกษาวิจัยตามกระบวนการที่มีแบบแผน ตัวอย่างทฤษฎีที่เรารู้จักกันอย่างเช่น

สูตรทางฟิสิกส์ E = MC²  ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ถูกนำไปใช้พัฒนาสร้างระเบิดนิวเคลียร์และนำไปใช้จริงในสงครามโลก

อีกตัวอย่าง ทฤษฎี Win-Win ของ จอร์น แนช นักเศรษฐศาตร์ชาวอเมริกันที่ได้รับรางวัลโนเบลจากทฤษฎีนี้ เช่นเดียวกับ ไอสไตน์ ที่ได้รับรางวัลในสาขาฟิสิกส์

สำหรับ “ทฤษฎีระบบผลประโยชน์” ในตอนแรก คุณพิชัย จาวลา ผู้นำเสนอแนวคิดนี้ใช้ชื่อ “ทฤษฎีเศรษฐศาตร์แห่งความจริง” การคิดทฤษฎีขึ้นใหม่โดยไม่มีกระบวนการทางวิชาการจึงไม่สามารถนำมาพิสูตรได้ตามหลักสากล อย่างทฤษฎี Win-Win เกิดจากสมการทางเศรษฐศาสตร์ที่มีหลักทางวิทยาศาสตร์รองรับ

อย่างไรก็ตามทฤษฎีระบบผลประโยชน์ เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและสามารถนำมาใช้ในตลาดทุนและตลาดหุ้นได้ สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ทฤษฎีมีหลักว่า

ผู้ที่ทำกำไรในตลาดทุนได้มีเพียงส่วนน้อย ถ้ามี 3% คนอีก 97% จะเป็นผู้ขาดทุน เพราะปริมาณซื้อเท่ากับปริมาณขายจากการจับคู่ Match ของราคา ด้วยปริมาณเงินที่เท่ากันของคน 3% ใช้เงินเท่ากับเงินของคน 97% เพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์นั้นไว้ทั้งหมด

ทำไมคน 3% จึงทำเช่นนั้น?

เพราะเขาต้องการทำกำไรจากคนส่วนใหญ่นั้นเอง หมายความว่า 97% เป็น แมลงเม่า ที่บินเข้ามาในกองไฟ ที่คน 3% ล่อเอาไว้ ถ้าพิจารณาดู คนที่ทำกำไรหรือได้ผลตอบแทนจนพอร์ตโตขึ้นมากนั้น จริงๆ มีจำนวนไม่มากที่เราเห็นเขาเขียนหนังสือและออกทีวีดูแล้วมีหลายคนแต่คนเล่นหุ้นมีเป็นล้านคนในประเทศไทย คนประสบความสำเร็จเหล่านั้นจึงเป็นคนในกลุ่ม 3% แต่ปริมาณเงินของคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพราะจะมีรายใหญ่ที่มีเงินทุนจำนวนมากทั้งในและนอกประเทศอยู่ในกลุ่มนี้ ที่เขียนมานี้สรุปจากหนังสือและยูทูบของ คุณพิชัย ผู้สนใจลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ

ข่าวสาร การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด หรือกราฟเทคนิค จึงเป็นหนทางที่ทำให้เกิดคน 97% ที่มองเห็นไปในแนวทางเดียวกัน คน 3% รอเพียงโอกาสที่จะเกิดการซื้อหรือขายมาก over bought, over sold เพื่อเข้าซื้อหรือขายส่วนทางกับคนกลุ่มใหญ่

ทั้ง วอเรน บัฟเฟต และ ปีเตอร์ ลินซ์ จะไม่กะเก็งแนวโน้มการขึ้นลงของตลาดและให้ความสำคัญกับข่าวสารต่างๆ น้อยมาก เพื่อไม่ให้ตนเองหลงไปกับกระแสส่วนใหญ่นั้น เขาจึงเป็นคนใน 3% ที่ประสบความสำเร็จ หรืออย่างกลุ่ม VI ในไทยก็จะไม่สนใจวงจรของตลอดในระยะสั้นและเลือกลงทุนระยะยาว

วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ เลือกลงทุนในระยะยาว อาจจะแบ่งขายทำกำไรบ้างส่วนที่เหลือรอรับปันผล ถ้าเราลองทำกำไรในระยะสั้นแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

จุดสูงสุด SET 1,789จุด

คุณพิชัย ใช้แนวคิดนี้ประมาณการณ์ในระยะยาวว่า ตลาดหุ้นไทยจะไปที่ 1,700จุด สิ้นปี 57 นี้ และจะไปถึง 2,000จุด แต่กำหนดระยะเวลาที่จะไปถึงไม่ได้ แต่ถ้าสิ้นปีนี้ยังไปไม่ถึง 1,700จุด ในต้นปีหน้าก็จะไปถึงอยู่ดี ตามทฤษฎีของคุณพิชัย เหตุเพราะไม่มีใครคิดว่ามันจะไปถึง คนกลุ่ม 3% จึงรอที่จะเข้าซื้อเมื่อมีการขายออกมามากและจะพาตลาดหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดของไทยมา จุดสูงสุดเดิมคือ 1,789จุด ในปี 2537

ส่วนทองคำจะขึ้นลงอยู่ในช่วง 1,000-1,200$ เท่านั้น ในระยะยาวจะเป็นขาลง จะไม่กลับขึ้นไปที่ 1,900$ หรือที่ 27,000บาท ที่เป็นจุดสูงสุดในรอบก่อนหน้านี้ และยังย้ำว่า ทองคำ เป็นฟองสบู่แล้วไม่ควรถือครองเพื่อหวังขายทำกำไรในอนาคต เพราะทองคำเป็น very over bought มีการถือครองไว้มากในมือของนักลงทุน ธนาคาร สถาบัน ร่วมทั้งประเทศต่างๆ มีไว้เป็นกองทุนสำรองของประเทศ และทองคำมีพื้นฐานของในการนำมาเป็นเครื่องประดับน้อยลงมากเมื่อเทียบกับการถือทองแท่งเพื่อเก็งกำไร

และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะแข็งค่าเป็นผลให้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าไปที่ 35บาท/ดอลล่าร์ คือถ้าจะทำกำไรกับค่าเงินให้ซื้อดอลล่าร์เอาไว้ คือสามารถทำกำไรกับค่าเงินบาทที่จะไป 35-40บาท ได้ โดยคุณพิชัย ให้การที่เงินบาทจะไปที่ 35-40บาทนี้ ร่วมทั้งการที่หุ้นจะไปที่ 1,700จุด หรือมากกว่าเป็นจุดที่ใช้พิสูตรแนวคิดทฤษฎีนี้ ในวันที่เขียนค่าเงินบาทอยู่ที่ 32บาท

โดยหลักการที่ใช้ประมาณการตลาดทั้งหมดจะดูว่ามีการเข้าไปซื้อขายในอะไรมากๆ นั้นเป็นจุดที่คน 3% เฝ้าดูอยู่และหาจังหวะที่ตรงข้ามกับคนกลุ่มใหญ่ ในจุดที่ตลาดหุ้นพยายามผ่าน 1,600จุด เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่เริ่มมีความกังวลว่าจะผ่านไปไม่ได้ คือเป็นจุดที่คนส่วนใหญ่กลัว วอร์เรน บัฟเฟต จึงมีคำพูดว่า “จงกล้า ในเวลาที่คนอื่นกลัว” การคิดสวนทางแบบนี้จึงเป็นจุดสร้างความได้เปรียบของคนกลุ่ม 3%

จากการที่เราพยายามจะทำกำไรจากตลาดหุ้นแล้วเราทำไม่สำเร็จหรือได้บ้างเสียบ้าง ปัณหาคือเสียมากกว่าได้ ทฤษฎีผลประโยชน์นี้ อาจจะเป็นแนวทางที่เราจะลองศึกษาและลองเอามาประยุกต์ใช้ดู แม้ว่าการจะมองแบบคน 3% จะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะถ้ามันง่ายก็จะไม่มีมีคนกลุ่มน้อย 3% นี้เกิดขึ้น เขาเหล่านั้นอยู่เหนือคนกลุ่มใหญ่เสมอๆ


ในโลก Matrix เราถูกกำหนดให้ทำตามระบบ
และเป็นได้เพียงส่วนหนึ่งในเกมส์ของผู้ควบคุม The Matrix

Mr.Anderson จึงเลือกที่จะออกมาจาก The Matrix



By zurristic

-ทฤษฎีผลประโยชน์หุ้น 2

-จุดกำเนิดทฤษฎีผลประโยชน์

-กำไรหุ้นแบบย้อนศร (Day trade)

-กำไรหุ้นย้อนศร 2

-ผู้คุมตลาดหุ้น

-วิกฤตกับหุ้น

-pichaichawlaofficialpage

ภาพยนตร์ชีวิตของ จอร์น แนช

Power by Prop Prop

Proposal of property

แผนนำเสนอการจัดการที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การสแกนหุ้น

สแกนหุ้นด้วยตัวเอง

ช่วงนี้ตลาดพักฐานไปที่ 1520จุด แล้วรีบาวด์กลับมาที่ 1599จุด นักวิเคราะห์หลายเจ้ามองว่าจะผ่าน 1600จุด ไปได้และอาจจะไปถึง 1700จุด จากทฤษฎี Elliott wave ในช่วงพักฐานนับคลื่นได้เป็น A, B, C แล้วรีบาวด์ขึ้นเป็นคลื่น 1 อันนี้ผมนับเองนะครับเทียบกับภาพด้านล่าง แต่นักวิเคราะห์นับเป็นคลื่น B แต่ถ้าหุ้นทะลุผ่านจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ 1602จุด คลื่นนี้จะเป็นคลื่นที่ 1 ตามแบบภาพกราฟ Elliott

Elliott Wave

SET ยังไม่ผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ 1602จุด นักวิเคราะห์นับเป็นคลื่น B

แต่ตามทฤษฎีแล้ว คลื่น A B C น่าจะเป็นช่วงพักฐานไม่น่าจะรีบาวด์ขึ้นมามากแบบนี้

ผมจึงมองว่าน่าจะกลับเป็นขาขึ้นในคลื่นที่ 1

ตลาดมีความผันผวนพอสมควรในช่วงนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นขาขึ้นเพื่อทำจุดสูงสุดใหม่แต่ไม่สามารถขึ้นไปได้ เหมือนราคาหุ้นรายตัวจะขึ้นไปได้แต่ก็มีแรงเทขายสลับตัวเล่นไปมา การเก็งกำไรระยะสั้นจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมในช่วงนี้

การใช้โปรแกรม MetaStock สแกนหุ้นจากสูตรในโปรแกรมหรือจากที่มีผู้เขียนขึ้นมาใช้เอง เช่น ของลุงโฉลก สูตร Pre-Buy คือเลือกหุ้นที่กำลังจะขึ้นจุดซื้อเป็นจุดก่อนหุ้นขึ้นซึ่งจะได้กำไรเต็มรอบของหุ้นตัวนั้น ลุงโฉลกจะเทรดหุ้นโดยไม่ดูพื้นฐานหรือไม่รู้จักหุ้นตัวนั้นเลย เมื่อได้หุ้นจากการสแกนมาแล้วจะเลือกตัวที่คิดว่าดีที่สุด 5-10ตัว และเข้าซื้อทันทีแล้วปล่อยให้หุ้นขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจึงขายทำกำไรด้วยการใช้เส้น Telling stop บอกจุดกลับตัวลงของหุ้น (ดูยูทูบลุงโฉลกในบทความทีแล้ว)

ระหว่างการสแกนหุ้น

น้องชายผมได้ทดลองใช้การสแกนหุ้นด้วยวิธีนี้ส่วนนึงและเลือกหุ้นเองบ้าง รวมทั้งซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์เชียร์ สามารถทำกำไรได้ประมาณเดือนละหมื่นกว่าบาท

ผลของการสแกน เราต้องเลือกหุ้นที่คิดว่าดีที่สุดจากรายชื่อทั้งหมดเพื่อเข้าซื้อตามระบบ

บนมือถือมีแอพฯ ที่ใช้สแกนหุ้นชื่อ Market anyware ดาวโหลดได้ฟรีแต่การสแกนหุ้นจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ถ้าใครเป็นลูกค้าของ บล.SCBS จะมีแอพฯ แบบเดียวกันนี้ให้ใช้ฟรี ผมกำลังทดสอบเลือกหุ้นด้วยการสแกนจากแอพนี้ฯ ได้ผลเป็นอย่างไรจะเขียนในตอนหน้าครับ

การสแกนหุ้นด้วยสูตร MACD Bullish ของ บล.SCBS

นักวิเคราะห์บอกว่ามือใหม่จะใช้เวลาศึกษาในตลาดหุ้นอย่างน้อย 2ปี เดือนกุมภาพันธ์ 2558 นี้ ผมจะเข้าตลาดมาครบ 2ปี ได้เสียค่าเทอมไปหลายหมื่นแต่ไม่ถึงแสน ถึงวันนี้ยังไม่ได้ค่าเทอมคืนมา ผมจึงได้เลือกวิธีการลงทุนโดยมีการถือลงทุนระยะยาวและแบ่งขายตามรอบของหุ้น อีก 20% จะเก็งกำไรระยะสั้น แต่ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยได้กำไรเข้าผิดจังหวะตลอด

วันก่อนผมได้ฟัง คุณป้อม ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา จากยูทูบ เจ้าของชุมชนชาวหุ้น stock2morrow ผู้ที่ประสบความสำเร็จจาก “หุ้นขี้บุหรี่ (Penny stocks)” คือหุ้นที่ราคาต่ำกว่า 1บาท ถ้าอเมริกาเป็นหุ้นที่ต่ำกว่า 1ดอลล่าร์ คุณป้อมพูดว่า “มีเงินน้อยเล่นหุ้นตัวใหญ่เมื่อไหร่จะรวย” ผมนอนฟังอยู่เลยลุกขึ้นมานั่งฟัง

คุณป้อมซื้อหุ้น BLAND ที่ 0.50บาท, RML ที 0.29บาท ขายที่ราคา 1บาทกว่าๆ ปัจจุบันยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ IEC ถึงแม้จะเล่นหุ้นราคาถูกแต่เขามีวิธีการซื้อสะสมแบบ VI แล้วถือเป็นเวลาสามปี จากเงินหลักล้านพอร์ตเขาโตเป็นสิบล้านด้วยหุ้นขี้บุหรี่แม้ว่าปีแรกที่เข้าตลาดจะขายทุนไป 1ล้านบาทเพราะการเล่นเทรดระยะสั้น ผมได้ซื้อหนังสือเรื่อง “หุ้น 5เด้ง” ของคุณป้อมมาอ่านเพิ่มเติมและอีกเล่มเรื่อง One up on wall street ของปีเตอร์ ลินซ์ ผู้เป็นนักจัดการกองทุน (ดร.นิเวศน์ แปล) ต้นฉบับหุ้นขี้บุหรี่

ปีเตอร์ ลินซ์ แบ่งหุ้นเป็น 6กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มหุ้นโตช้า หุ้นแข็งแกร่ง หุ้นโตเร็ว หุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว และ หุ้นทรัพย์สินมาก ซึ่งได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน เขาจะเลือกซื้อหุ้นที่ไม่มีใครสนใจ เช่น จุกขวดน้ำ บริษัทจัดงานศพ น้ำยาทำความสะอาดผ้า โรงงานกำจัดของเสีย ผู้ผลิตหลอดและช้อนพลาสติก เป็นต้น เป็นหุ้นที่เข้าใจได้ง่ายธุรกิจไม่ซับซ้อนแบบที่ วอร์เรน บัฟเฟต ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน

BLAND จัดเป็นหุ้นทรัพย์สินมาก (The Asset Plays) เพราะมีที่ดินทำเลดีอยู่หลายแห่ง อย่างเช่นแถวศรีนคริทรฺ คุณป้อมมองเห็นสินทรัพย์ที่ไม่แสดงมูลค่าในบัญชีจึงเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่ราคาต่ำๆ

ปีเตอร์ ลินซ์ บอกว่า “มีหุ้นราคาถูกให้ซื้อเยอะแยะ ทำไมอยากจะซื้อหุ้นที่ราคาแพงกัน”

จากหนังสือสองเล่มนี้ผมจึงมีการเข้าซื้อหุ้นขี้บุหรี่เข้ามาในพอร์ตด้วยและลดการซื้อหุ้นราคาแพงลงบางส่วน ถ้าเราไม่ได้ใช้โปรแกรมสแกนหาหุ้น เราสามารถเลือกหุ้นตัวที่เรารู้จักจากร้านอาหารที่เคยใช้บริการ ช่องทีวีที่เราดู ฯลฯ หุ้นที่ผมเลือกได้แก่ MINT BGH BJC VGI BEC TRUE จะมีพื้นฐานค่อยข้างดีจะไม่ลงแรงและจะกลับขึ้นได้เมื่อตลาดรีบาวด์ ถ้าแบ่งขายจะทำกำไรอย่างน้อยที่ 5% และหุ้น 4-5บาท อย่าง SITHAI, SIM จะแบ่งขายออกไปก็ได้ 5% หรือมากกว่าได้เช่นกัน

แต่ BJC กับ VGI ราคาไม่ขยับเหมือนตัวอื่น VGI นักวิเคราะห์ปรับราคาที่เหมาะสม (Fair value) เป็น 11บาท จากการที่พื้นที่โฆษณาลดลง

BGH และ BEC เป็นหุ้นที่สู้กับตลาดผันผวนได้ดี ราคายังขยับขึ้นไปได้แม้จะมีแรงเทขาย ตัวอื่นที่เลือกมาราคาลดลงไปเป็นตัวแดง แม้ว่า BEC บทวิเคราะห์ไม่ค่อยดีจากเรื่องการออกคู่ขนานกับระบบอนาล็อกเดิมแต่ราคาไม่ได้ลงไปตามข่าว ส่วนหนึ่งเพราะช่อง3 ได้ค่าโฆษณามากที่สุดในประเทศ นักลงทุนคงยังเชื่อมั่นว่าช่อง3 ยังเหนือกว่าช่องอื่นๆ อยู่ดี

ดัชนีมาม่า เป็นคำพูดเล่นๆ กันแสดงถึงสภาพเศรษฐกิจไม่ดีเพราะคนกินมาม่ากันเยอะ ผมเลยมาเจอ “ดัชนีกางเกงยีน” จากหุ้น MC ที่ผมถืออยู่ราคาต่ำลงเรื่อยๆ ผมก็ปล่อยไปเพราะปกติเดี๋ยวก็กลับขึ้นมา แต่แล้วมันไม่กลับมาลงไปที่ 16บาทกว่า จึงไปอ่านบทวิเคราะห์ที่ปกติไม่ค่อยอ่าน ปรากฏว่าผลประกอบการมีกำไรลดลงจากสาขา 70% ที่อยู่ในต่างจังหวัด แม้ว่าราคาเป้าหมายจะประมาณไว้ที่ 20บาท แต่ไม่น่าจะกลับขึ้นไปได้ง่าย จากทั้ง VGI และ MC ราคาต่ำลงจากผลการดำเนินงานที่ไม่ดีเหมือนเดิม จึงทำให้ผมต้องอ่านบทวิเคราะห์หุ้นรายตัวมากขึ้น

กลุ่มเป้าหมายของ MC คือกลุ่มคนต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ตัวผมเองน่าจะเคยซื้อใส่ตอนเด็ก ผมได้สังเกตเห็นเด็กมัธยมใส่ MC และมีเพื่อนร่วมงานอายุ 56 ก็ใส่ ที่ห้าง BigC ขอนแก่น MC ได้ย้ายร้านขนาดเล็กที่อยู่ในแผนกเสื้อผ้าลงมาที่ชั้น 1 แล้วเปิดร้านใหม่ที่เป็นห้องเอกเทศทำเลหน้าประตูห้าง แสดงถึงการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย แต่จากกำไรที่ลดลงของ MC แสดงว่ากลุ่มเป้าหมายไม่มีกำลังซื้อด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ อาจจะเพราะเรื่องเงินจำนำข้าวหรือข้าวของ อาหารแพงขึ้นจึงมีความจำเป็นต้องประหยัดกว่าเดิม อันนี้ไม่มีข้อมูลแน่ชัด

การดูข้อมูลพื้นฐานจึงช่วยให้เราสแกนหาหุ้นเองได้ เราเริ่มดูที่ สินทรัพย์ และ Market capital ตัวอย่าง CPALL มีมูลค่าตลาด 399,748ล้าน สินทรัพย์ 300,360ล้าน ราคาหุ้น 44บาท

ค่า PE 41เท่า คือ 41ปี ถึงจะทำกำไรแล้วคืนทุนกับราคาหุ้นที่เราลงทุนซื้อไป แสดงถึงความแพงของราคาหุ้นตัวนี้ มือใหม่จะเลือกซื้อหรือไม่ลองพิจารณาดู การที่มูลค่าตลาดสูงกว่าสินทรัพย์ก็บอกได้ว่าหุ้นตัวนั้นแพงแล้ว

ตัวเลขในปี2554 กำไรต่อหุ้น 1.78บาท ที่ราคาหุ้น 51.75บาท, 46/1.78=29.07 ได้เป็นค่า PE หมายความว่า กำไร 1.78/หุ้น/ปี X 29.07ปี = 51.75บาท ต้องใช้เวลา 29ปี จึงจะคืนทุนจากการซื้อหุ้นที่ราคา 51.75บาท/หุ้น (ผลประกอบการที่เป็นกำไรคิดเป็นรายปี) ราคาหุ้นจะขึ้นมารับการคาดการณ์ในอนาคตแล้วเสมอ

PBV ราคาหุ้นตามมูลค่าในบัญชี 15.67บาท ค่า BVPS มูลค่าหุ้นตามบัญชีเป็น 2.84เท่า 15.67x2.84=44.50บาท ที่เป็นราคาหุ้นล่าสุด คือ ราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี 2.8เท่า

DE 9.5เท่า, ถ้า DE=0.30 คือ มีหนี้สิน 0.30 ของส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) 1ส่วน หมายความว่า เมื่อชำระหนี้แล้วจะเหลือส่วนของผู้ถือหุ้น 0.70 แสดงว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดี CPALL มีหนี้สิน 267ล้าน ส่วนของผู้ถือหุ้น 28ล้าน คือมีหนี้เกือบสิบเท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น

สำหรับแนวทางหุ้นขี้บุหรี่ ผมเลือก BLAND BMCL LHBANK MACO (ซื้อแทน VGI ที่น่าจะราคาสูงไปแล้ว) หุ้นต่ำบาทหาไม่ง่ายนักในเวลานี้ที่น่าสนใจจะมี NPARK 0.06บาท ที่รอดูอยู่ เพราะเป็นหุ้น Asset plays เช่นกันและมีข่าวการแลกหุ้นกันกับ BTS ด้วย

ที่ดินแถวศรีนครินทร์ของ BLAND

ในการเก็งกำไร การฟังนักวิเคราะห์จะช่วยให้เรามีข้อมูลมากขึ้นและได้ความคิดเห็นหลายๆ ด้าน น้องชายบอกให้ผมซื้อ MILL-W2 ผมได้กำไร 71% แต่ซื้อแค่ 8000บาท น้องชายผมเล่นเก็งกำไรประมาณ 70%ของพอร์ต แต่ผมจะเล่นเก็งกำไร 20-30% จะไม่ค่อยเล่นหุ้นปั่น จะเก็งกำไรหุ้นตัวที่มีพื้นฐานอย่าง PTG, CHO, SUSCO, SVI จะปลอดภัยหน่อยเวลาลงไม่แรงมาก

ส่วนทองคำ GOLD ETF ก็พอเก็งกำไรได้ประมาณ 5% ช่วงนี้ลงมาต่ำสุดในรอบห้าปีที่ 1,135ดอลล่าร์ แล้วรีบาวด์กลับในวันเดียวมาที่ 1,170 แต่ GOLD ETF จะปรับราคาช้ากว่าราคาทองคำโลกเราจึงมีเวลาเข้าเก็บได้ทันก่อนที่หุ้นทองจะขึ้นไปตามตลาด

นักลงทุนหลายๆ คนได้พูดถึงบทความของ ดร.นิเวศน์ เรื่อง “หมดยุคทองของ VI” หุ้นดีๆ ก็แพงกันหมด หุ้นใน MAI ค่า PE ไปถึง 70เท่า จะหาหุ้นขี้บุหรีต่ำกว่าบาทยังยากเลย นักลงจึงต้องหากลยุทธ์ใหม่ที่จะช่วยให้ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ การลงทุนแบบ VI อย่างเดียวไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้แบบเมื่อ 10-20ปี ที่ผ่านมาแล้วได้

การเล่นหุ้นในสถานการณ์ที่หุ้นราคาไม่ถูกแล้ว เราจึงจำเป็นต้องหากำไรจากส่วนต่างของราคามากขึ้น และแบ่งสัดส่วนการลงทุนกับหุ้นปันผล อาจจะ 40/60, 50/50 ตามความถนัดของตัวเอง เป็นการเก็งกำไรแบบเล่นรอบไม่ใช่เทรดระยะสั้นวันสองวัน

ตลาดหุ้นทำเงินให้เราได้แต่ต้องศึกษาเรียนรู้มากพอสมควร คนที่เล่นเป็นอาชีพทั้ง VI และเทรดเดอร์ก็มีให้เห็นหลายคน ดูจากหนังสือเรื่องหุ้นที่มีประมาณจะร้อยปกได้ ถ้ามือใหม่วางแผนที่จะลงทุน Full Time ผมเชื่อว่าทำได้นะแต่ต้องรู้จริงและมีวินัยจึงจะประสบความสำเร็จได้


ควรเลือกหุ้นได้ด้วยตัวเอง ถ้าคิดว่าจะอยู่ในตลาดหุ้น


By zurristic

--แอพ Market Anyware

--metastock.com

--บทวิเคราะห์หุ้น MC

ฟังนักวิเคราะห์รายวัน

--Business Line

--Stop Loss

Power by healthyskiner

Age Technology & Antioxidant

สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา

--- คลิ๊ก ผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชรา สุขภาพกาย ใจ และ Sex ---

หุ้น System trade

การเล่นหุ้นด้วยวิธี System trade

System trade จะเป็นระบบซื้อขายหุ้นตามที่เครื่องมือทางเทคนิคบอกเราจากการที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ในโปรแกรมกราฟเทคนิค ส่วน Robot trade เป็นการซื้อขายหุ้นอัตโนมัติด้วยโปรแกรมซื้อขายที่เขียนคำสั่งไว้ล่วงหน้า โดย Robot จะมี System trade อยู่ด้วย บล. บัวหลวงและเอเชียพลัส จะมีระบบเทรดอัตโนมัติ เราต้องลองถาม บล.ของตัวเองดูว่ามีโปรแกรมแบบนี้ให้บริการหรือป่าว ในวันที่หุ้นเกิด Panic sell ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Robot ตัดขาดทุนจากที่ได้ตั้งค่าไว้ทำให้เกิดแรงขายพร้อมๆ กันจำนวนมากทำให้ตลาดลงแรง

ในการใช้ System trade แบบของลุงโฉลก จะทำการสแกนหุ้นที่จะซื้อด้วยโปรแกรม Meta stocks เมื่อได้หุ้นมาแล้วก็จะซื้อหุ้นด้วยการซื้อแบบปกติ แล้วมือผ่านไป 1-3เดือน มีสัญญาณให้ขายก็ขายหุ้นทำกำไรออกไป จุดเข้าซื้อจะใช้ค่า Fibonacci ที่ 61.8% เป็นค่าที่หุ้นตัวนั้นมีการสะสมปริมาณการซื้อจำนวนมากพอที่จะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง และจุดขายจะใช้เส้น Telling stop ที่ไปตัดราคาหุ้นที่กำลังจะเป็นขาลงเพื่อให้ได้กำไรมากที่สุดในรอบนั้นและไม่ขายหมูออกไปก่อน ดูในยูทูบของลุงโฉลกด้านล่างเพิ่มเติม ลุงโฉลกเปิดสอนวิธีการ System trade ให้คนทั่วไปถ้าสนใจศึกษาอย่างจริงจัง ส่วนโปรแกรม Meta stocks ต้องซื้อจะไม่มีบริการฟรี

จุดซื้อที่ Fibo 61.8%

สำหรับการใช้โปรแกรม e-fin แทน Meta stocks เราเลือกหุ้นด้วยตัวเองจากการลากเส้น Fibonacci จากที่ราคาจุดสูงสุดรอบล่าสุดลากมาตรงจุดที่ราคาลงมาต่ำสูด แล้วรอหุ้นตัวนั้นรีบาวด์มาที่เส้น 61.8% เป็นจุดเข้าซื้อ หรือจะใช้จุดกึ่งกลาง Bollinger band แทนได้เพราะเป็นจุดที่ค่าจะใกล้เคียงกัน ส่วนจุดขายเราอาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10, 14วัน เป็นจุดขายเมื่อตัดกันกับราคาหุ้นที่เป็นขาลง ถ้าสามารถทำได้ตามระบบซื้อขายแบบนี้ ลุงโฉลกบอกว่า คุณจะกำไรมากกว่าขาดทุนแน่นอน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดเลยสามารถลองทำได้ทุกคน

ตัวอย่าง จุดซื้อที่ กึ่งกลาง Bollinger band

เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว

จากการที่ผมเก็งกำไรไปพร้อมกันกับการถือหุ้นทำให้ต้องดูข้อมูลพื้นฐานของหุ้นตัวและตัว โดยใช้แนวทางของ ดร.นิเวศน์ ที่จะดูที่โมเดลธุรกิจก่อนแล้วจึงมาดูงบการเงิน ตัวอย่าง CPALL ที่ ดร.นิเวศน์ เข้าซื้อตั้งแต่ 4-6บาท ปัจจุบันราคา 44บาท มี PE 40เท่า Market capital 397,502ล้านบาท เราใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงในการเลือกหุ้นตัวอื่นๆ ได้ ซึ่งราคา CPALL ณ ตอนนี้เป็นราคาที่แพงเกินไปแล้วสำหรับมือใหม่ อย่าง BJC, CPN, BGH ก็มีราคาแพงเช่นกัน ถ้า PE ต่ำกว่า 40 จะมี MINT, SAMART, CPF, BEC, MC, VGI เป็นต้น หุ้นตัวที่มี Maket cap. ต่ำกว่า CPALL ราคาหุ้นก็ไม่ควรจะสูงกว่า 40บาท เป็นวิธีการกรองหุ้นในชั้นแรกได้ว่าราคาเหมาะสมควรที่จะซื้อหรือไม่ หุ้นตัวที่ราคาถูกหน่อย เช่น TRUE, SIM, SITHAI ที่หวังว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไปในอนาคตตามสภาพหุ้นที่มีพื้นฐานดีขึ้น

ทฤษฎี Elliott wave

จากช่วง SET ขึ้นไปที่ 1600จุด ล่าสุดเป็นจุดสูงสุดของรอบนี้ หลังจากนั้นตลาดจะเป็นช่วงผันผวน โดยเราสามารถใช้ทฤษฎี Elliott wave เพื่อช่วยในการดูสภาพตลาดว่าเราควรจะเข้าซื้อขายหุ้นอย่างไร

นับยอดกราฟ Elliott wave ด้วยเส้น Zig zag กราฟ SET กำลังเป้นคลื่น B เป็นช่วงตลาดผันผวน

ต้องกระจายความเสี่ยงและเลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว

ในช่วงนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศก็เป็นช่วงพักฐานเหมือนกัน ในวันที่เขียนอยู่นี้ ดาวโจน ลงไปถึง 400จุด ทำให้ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นทันทีจาก 1,220 มา 1,240ดอลล่าร์ต่อออนซ์

การกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ควรจะทำ ทองคำจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการบริหารเงินเพื่อการลงทุน เราอาจจะซื้อสะสมทองคำจริง ซื้อทองคำล่วงหน้า (Gold Future) หรือ กองทุนรวมอ้างอิงทองคำ ขึ้นกับความสามารถในการรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ โดย กองทุนทองคำ เป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยและช่วยสร้างผลตอบแทนได้ในเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวน

ราคาทองคำ

ETF คือ Exchange Traded Fund เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นตัวปกติ เช่น TDEX เป็นกองทุนเปิด อ้างอิง SET50 สำหรับกองทุนทองคำได้แก่ EGOLDETF, GOLD99, GLD, BCHAY, KG965 โดยราคากองทุนจะขึ้นลงตามราคาทองคำโลก ซึ่งในขณะนี้ราคาลงมาต่ำมากในรอบปีที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตรงจุดนี้เป็นจุดที่เราจะเข้าซื้อทั้งทองคำจริงหรือกองทุนทองคำได้ เพื่อทำกำไรเมื่อราคาทองกลับขึ้นไปสวนทางกับตลาดหุ้นที่จะเป็นขาลง จุดเข้าซื้อทองคำเราดูได้จากตลาดดาวโจนส์ที่เป็นขาลง ดูค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้น และค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าเป็นกราฟขาขึ้น ซึ่งจะเป็นขาขึ้นเหมือนกับราคาทองคำ เราจึงใช้กราฟเหล่านี้หาจุดซื้อขายทองคำได้เพื่อทำกำไรได้อย่างที่ต้องการ

ค่าเงินยูโรเทียบกับดอลล่าร์

จะเห็นว่ารูปกราฟเหมือนกับของราคาทองคำ

การซื้อขายหุ้นของผมจึงแบ่งเป็นสามกลุ่ม คือ การเล่นเก็งกำไรเป็นรอบในแบบ System trade และถือหุ้นยาวในตัวที่มีพื้นฐานดี รวมทั้งกระจายความเสี่ยงในกองทุนทองคำในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน (Sideway)


หาวิธีการของตัวเองให้เจอ


By zurristic

--Gold future

--ข้อมูล ETF

--ราคาทองคำ

Power by healthyskiner

Age Technology & Antioxidant

สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา

--- คลิ๊ก ผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชรา สุขภาพกาย ใจ และ Sex ---

กำไรหุ้น DW (3)

การเล่นเก็งกำไรหุ้น Derivative Warrant ตอนที่ 3

น้องชายของผมเล่าให้ฟังว่าช่วงหลังมานี้จะเล่น DW มากกว่าหุ้นตัวปกติและทำกำไรได้ตัวละหลายพัน น้องโชว์พอร์ตให้ดูว่าได้กำไรจริงๆ ปกติถ้าผมเล่น DW จะถือประมาณสามวันหรือไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ และหลายครั้งจะเล่นเดย์เทรดเพราะปลอดภัยกว่าที่จะถือข้ามวัน แต่น้องผมจะเล่นเหมือนเก็งกำไรหุ้น ตัวปกติ ส่วนหนึ่งเอาวิธีการมาจากการเล่น TFEX ที่ว่า “กินคำใหญ่ๆ” (น้องไม่ได้เล่น TFEX) และยังมีการซื้อไม้1, ไม้2 บางตัวเข้าซื้อหลายหมื่น แถมยังถือสองอาทิตย์หรือมากกว่าถ้าหุ้นตัวแม่ไซด์เวย์หรือผิดทางจากที่ซื้อและขาดทุนบ้าง แต่น้องผมก็ทำกำไรได้หลายหมื่นในช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมา

ผมไม่ได้เล่น DW เลยหลังจากขาดทุนในช่วงชุมนุมทางการเมือง พอเห็นน้องได้กำไรเลยลองมานั่งดูว่าจะหาจังหวะเข้าได้ตอนไหนถ้าจะกลับมาเล่นอีกครั้ง ผมเริ่มที่ JAS ในวันที่ราคาตกมาจากข่าวเรื่องการฟ้องร้อง ราคาลงมาต่ำมาก RSI ประมาณ 30 ผมมองว่าพรุ่งนี้ราคาน่าจะรีบาวด์เพราะข่าวจบแล้วและราคาลงมาเยอะมาก เลย เข้า JAS DWcall โดยคาดว่าราคาจะขึ้นในวันพรุ่งนี้ แล้ว JAS ก็รีบาวด์ตามคาดและได้กำไรไม่กี่ร้อยบาท เป็นการเข้าเพื่อเรียกความกล้ากลับมาและถือเพียงสองวัน ในการเดย์เทรดจะได้กำไรน้อยต้องใช้เงินหลายหมื่นเพื่อการทำกำไร

SET กำลังจะทำจุดสูงสุดอีกครั้งหลังขึ้รมาจาก 1,200จุด

DW จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า TFEX 1จุด ที่เปลี่ยนแปลงจะเท่ากับ 200บาท เช่น ถ้าซื้อถูกทางขาขึ้น +5จุดx200=1,000บาทต่อหนึ่งสัญญา ส่วน DW จะได้กำไรขาดทุนตามราคาที่เปลี่ยนแบบหุ้นตัวปกติ วันต่อมาผมเข้า MINT DWcall กับ AOT DWcall ตอนบ่ายสี่โมงเย็นเพื่อถือทำกำไรในวันถัดไป ลักษณะของหุ้น MINT ช่วงนี้จะไซด์เวย์มีการขึ้นลง 0.50-1.25บาท ถ้าเข้าถูกทางจะได้กำไรได้ ประมาณ 0.03-0.06บาท เมื่อถือสองสามวันก็ทำกำไรได้เลย เพราะราคาจะไม่วิ่งไปมากกว่านี้

ส่วน AOT ราคา +/-6.00บาท จะได้กำไร 0.12บาท สามารถถือรอกำไรได้หลายวันอาจจะได้กำไรถึง 0.20บาท ถ้าราคาตัวแม่ขึ้นติดกันสองวัน โดยหุ้นตัวแม่สองตัวนี้มีลักษณะไม่เหมือนกันเราควรเฝ้าดูให้รู้ก่อนเข้า DW ว่าหุ้นตัวแม่นั้นมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างไร ตัวที่ผมเข้าคือ MINT01C1409A, AOT01C1410A ตัวเลข14 09 คือวันและเดือนหมดอายุของ DW เราต้องซื้อขายก่อนวันนั้น มิฉะนั้น DW จะซื้อขายไม่ได้และไม่มีมูลค่าแล้ว

ในการเล่น TFEX โบรกเกอร์จะบอกว่า “ย่อ Long” เช่น ถ้า SET50 ดัชนีย่อตัวลงในวันนั้นให้เข้าซื้อหรือ Long สัญญา SET50 Index Future มาดู DW ก็ใช้วิธีเดียวกันถ้าหุ้นตัวที่เราเลือกราคาย่อลง เราก็เข้า DWcall สำหรับตลาดขาขึ้น แล้วขายทำกำไรในวันถัดไปหรือถือต่อถ้าคิดว่าหุ้นตัวนั้นราคาจะขึ้นต่อ สำหรับคนที่ลองเริ่มเล่นเมื่อกำไรก็ขายทำกำไรออกไปครับ ถ้าถือนานจะเสี่ยงขาดทุนหรือขายออกไปเมื่อราคาไปผิดทาง

MINT

จากภาพ ในวันที่เข้าซื้อราคาหุ้นทั้งสองตัวย่อตัวลงเป็นแท่งสีแดง แล้ววันต่อมาก็กลับขึ้นมาเป็นแท่งสีเขียว (สองแท่งราคาล่าสุด) และ SET เป็นขาขึ้น ลักษณะแบบนี้คือการรอย่อแล้วเข้า DWcall หรือ “ย่อ Call” แบบวิธีการเล่น TFEX การเล่น DW ขาลงจะมีความนิยมน้อยกว่าขาขึ้น คนที่เริ่มเล่นควรฝึกเล่นขาขึ้นก่อน ครับ

วิธีการเล่น DW สรุปคือ ต้องรู้จักลักษณะการขึ้นลงของหุ้นตัวแม่ ดูว่า SET เป็นขาขึ้นหรือลง เลือกเข้า DWcall ถ้าหุ้นตัวนั้นขึ้นไปตาม SET สัญญาณกราฟของหุ้นตัวแม่ แท่งราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5วัน MACD ตัดขึ้น RSI ยังไม่ถึง 70 มีการเข้าซื้อขายหุ้นตัวแม่ปริมาณพอสมควร ราคามีการขยับขึ้นลงเป็นระยะ ค่า Simulate ยังไม่มีสัญญาณขาย (ตัวอักษร S, Sell) และที่สำคัญ DW ตัวที่จะเล่นต้องมีคนเข้าเล่นและมีปริมาณการซื้อพอสมควรเช่นกัน ประมาณ 5แสน ถึง 1ล้านหุ้น ผมจะซื้อไม้เดียวแล้วทำกำไรเลยจะไม่ซื้อหลายไม้แบบน้องชาย แล้วก็เปลี่ยนไปเล่นตัวอื่นเพื่อลดความเสี่ยงให้น้อยลงจากการถือไว้หลายวัน ที่เขาเรียกกันว่า “เอาของกลับบ้าน”

AOT

ตัวอย่าง MINT01C1409A ราคา 0.75 ถ้าซื้อ 16,000บาท ได้ 21,000หุ้น ถ้าราคา DW ขยับขึ้นไปตามตัวแม่ 0.05บาทX21000=1,050บาท ถ้าอยากได้กำไรมากกว่านี้ก็เพิ่มเงินในการเข้าซื้อตามต้องการ ผมไม่ได้แสดงภาพกราฟของ DW เพราะถ้าเราถือข้ามวันเราจะดูราคาของตัวแม่เป็นหลัก ดูการเล่น DW เดย์เทรดได้ที่บทความย้อนหลังด้านล่าง ครับ

เมื่อกลับมาเล่น DW ผมจะลงทุน สั้น กลาง ยาว แบบคุณซัน แฟนพันธุ์แท้หุ้นไทย ผมจะใช้เงินเล่นสั้นเพียง 10-20% ที่เหลือเป็นหุ้นตัวปกติที่ถือระยะกลางและยาวตามสถานการณ์ของตลาด แต่การเล่น DW ก็มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นตัวปกติควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเข้ามาลองเล่นนะครับ และจะเป็นการพัฒนาไปสู่การเล่น TFEX ในอนาคตได้ด้วย


เล่น DW เพื่อเก็งกำไรล้วนๆ บวกความโลภนิดหน่อย


By zurristic

--เล่นหุ้น DW

--เล่นหุ้น DW2

Power by healthyskiner

Age Technology & Antioxidant

สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา

--- คลิ๊ก ผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชรา สุขภาพกาย ใจ และ Sex ---

มหากาพย์ทรู

มหากาพย์เรื่องหุ้นทรู

มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์สองแห่งใช้คำว่า มหากาพย์ กับหุ้นทรู เหตุเพราะการเข้ามาร่วมทุนของบริษัทไชน่าโมบาย ซึ่งมีลูกค้ามากที่สุดเจ้าหนึ่งของโลกประมาณ 3,000ล้านราย และมีการปรับเรตติ้งหุ้นทรูเป็นหุ้นแบบลงทุนจากเดิมที่เป็นหุ้นแบบเก็งกำไร นักวิเคราะห์มองว่าการที่ไชน่าโมบายเข้ามาไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะเป็นบริษัทระดับโลกของจีนที่เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทขนาดเล็กของไทยที่มีผลประกอบการขาดทุนด้วยและส่วนครองตลาดเป็นอันดับสามดูไม่น่าจะมาร่วมทุนด้วยเลย จึงส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติปรับการถือครองหุ้นในกลุ่ม ICT โดยมีการขายหุ้น ADVANC, INTUCH, DTAC รวมทั้งหุ้นตัวอื่นเช่น SAMART, SAMTEL, SIM แล้วเข้ามาเก็บหุ้นทรูเพื่อจัดพอร์ตใหม่โดยเชื่อในโมเดลธุรกิจใหม่ของทรูที่จะเกิดในอนาคต

ที่ใช้คำว่ามหากาพย์อาจเป็นเพราะ หุ้นทรูจะพลิกการแข่งขันจากผู้ตามกลายมาเป็นผู้ท้าชิงที่จะสู้กับ AIS และ DTAC มีเงินเอาไปชำระหนี้และลดการขาดทุน มีความเชื่อว่าจะเกิดโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น ลูกค้าคนจีนที่ใช้ซิมโทรศัพท์ของไชน่าโมบ่ายเวลาที่เดินทางมาไทยสามารถใช้โทรศัพท์ในไทยได้เลย โดยไม่คิดค่าบริการในอัตราที่แพงแบบโรมมิ่ง อาจเป็นแพ็คเกจที่รวมบริการในไทยเอาไว้แล้ว เป็นต้น ซึ่งโมเดลนี้เป็นการคาดการณ์เท่านั้น โดยนักวิเคราะห์มองว่าจะเกิดโมเดลที่ไม่ธรรมดาและมองภาพใหญ่ในการเข้าสู้ประชาคมอาเซียน นอกจากลูกค้าจีนแล้วอาจจะจับกลุ่มคนในประเทศอาเซียนที่จะเดินทางผ่านไทยไปจีนแล้วมาเลือกใช้ซิมของ ทรู-ไชน่าโมบาย หรืออาจจะมีการร่วมทุนในลักษณะนี้กับเวียดนามหรือประเทศอื่น โมเดลอาจจะใช้ชื่อ อาเซียนซิม อะไรประมาณนั้น พอภาพออกมาแบบนี้จึงทำให้อุตสาหกรรมการสื่อสารเปลี่ยนโฉมไป แม้ว่าจะเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น หุ้นของทรูก็ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว

นอกจากนี้ยังมีโมเดลของเคเบิ้ลทีวี ดิจิตอลทีวี ทีวีดาวเทียม ที่ทรูมีความเชี่ยวชาญจะสร้างประโยชน์ให้กับไชน่าโมบายที่สนใจเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องการโฆษณาผ่านระบบทีวีและโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็จะเกิดโมเดลธุรกิจที่มองภาพใหญ่แบบอาเซียนเช่นกัน

โทรศัพท์, ทีวี, คอมพิวเตอร์ อยู่บนอุปกรณ์เดียวกัน

ทรู จึงมีการออกหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมและไชน่าโมบ่าย อัตราส่วน 2.5ต่อ1หุ้น ที่ราคา 6.45บาท ผมได้มา 388หุ้น จากที่มีหุ้น 1,000หุ้น เพราะขายทำกำไรออกไปก่อนหน้าแล้วจึงเหลือหุ้นน้อย ดูกราฟ 1ปี ย้อนหลังจากราคา 6-7บาท ขึ้นมาสูงสุดที่ 13บาท หลังจากมีการร่วมทุน

TRUE

ตัวอย่างของทรู เป็นการมองหุ้นจากโมเดลธุรกิจ (Business model) ว่าเขาทำกิจการอะไร ลักษณะของสินค้าเป็นอย่างไร ค้าส่งหรือค้าปลีก ลูกค้าเป็นใคร คู่แข่งเป็นใคร มีส่วนครองตลาด (Market share) อันดับที่เท่าไหร่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ดร.นิเวศ จะเลือกหุ้นด้วยการมองโมเดลธุรกิจก่อนแล้วจึงลงไปดูบัญชีการเงินและรายละเอียดอื่นๆ ผมก็จะใช้วิธีนี้เลือกหุ้นในช่วงหลังๆ มานี้เพื่อลดความเสียงจากหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี  แล้วราคาเปลี่ยนแปลงมากเวลาที่ตลาดพักฐาน ตัวอย่างหุ้นที่เลือกด้วยรูปแบบธุรกิจ เช่น MINT, BGH, HMPRO, SIM, THREL, CHO, SAWAD, TICON, VGI, MC, SITHAI, TRUE, TAE

CHO ช.ทวี เป็นบริษัทในจังหวัดขอนแก่น มีความเชี่ยวชาญในการผลิตประกอบตัวถังรถบรรทุก รถยกไฮโดรลิกในสนามบิน รถลากขนาดใหญ่ ต่อเรือรบได้ด้วย คือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมีคู่แข่งน้อยรายส่งสินค้าไปใช้ในสนามบินทั่วโลก

MC กางเกงยีนที่นิยมใส่กันในต่างจังหวัดไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เวลาที่ขึ้นรถทัวร์ผมจะเห็นคนใส่ประจำเลย กะว่าจะไปหาซื้อมาใส่บ้างจะได้รู้ว่าใส่แล้วดียังไง

TAE ผู้ผลิตแก๊สโซฮอล์ที่ผมมองว่าน่าสนใจกว่าโซล่าฟาร์ม ที่ยังไม่ถึงเวลาของมันกับต้นทุนที่สูงของแผงโซล่าเซลล์ ต้องใช้ที่ดินประมาณ12ไร่ เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ 1เมกะวัตตต์ ใช้ได้ประมาณ 1,000ครัวเรือนกับบ้านที่ไม่ได้เปิดแอร์ (ข้อมูลจากนักวิเคราะห์) แผงโซล่าเซลล์จะเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าได้เพียง 20-25% จึงต้องใช้จำนวนแผงมากและที่ดินขนาดกว้างใหญ่ ที่ดินก็เริ่มแพงขึ้นจากกระแสทุ่งโซล่าที่คนรู้แพร่หลายมากขึ้นแล้วปรับราคาที่ดินให้สูงขึ้นรอการเข้ามาซื้อ และราคาหุ้นกลุ่มโซล่าฟาร์มก็มีการเก็งกำไรขึ้นไปสูงและรับข่าวด้านดีไปหมดแล้ว แต่อนาคตก็ดีกว่าหุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอลที่มองไม่เห็นกำไรในตอนนี้ ....อาเมน!!!

SAWAD ตัวนี้จริงๆ เลือกมาจากการที่หุ้นมันขึ้นไปไม่หยุดหลังจาก IPO จึงมาดูว่าเขาทำอะไร สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เงินติดล้อ ที่เราเห็นในโฆษณา และหุ้นตัวอื่นที่เป็นบริษัทลีสซิ่งก็มีผลประกอบการดี เช่น JMT

THREL บริษัทประกันภัย มีคนพูดบ่อยว่าการประกันภัยในบ้านเรายังมีการใช้บริการน้อยมาก แต่มีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีนักลงทุนบางคนพอร์ตเติบโตมากับหุ้นประกันภัย

TICON โกดังสินค้าให้เช่าในแถบท่าเรือ ตัวนี้รู้แค่นี้แต่ธุรกิจก็เข้าใจได้ไม่ยาก

ตัวอื่นๆ คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักอยู่แล้ว อย่าง SITHAI คือศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ผลิตภาชนะใส่อาหาร เป็นหุ้นที่แตกพาร์เหมือน BGH รายย่อยเงินน้อยซื้อได้สบายๆ

และผมเก็บ TGOLDETF หุ้นแบบกองทุน ETF ที่อ้างอิงราคาทองคำโลก เพื่อกระจายความเสี่ยงจากหุ้นตัวปกติ เพราะทองคำจะมีปัจจัยกระทบน้อยกว่าหุ้น จังหวะนี้ราคาทองคำลงมาต่ำอีกครั้งจึงเข้าเก็บสะสมไว้ได้ ราคาทองเมื่อลงมาต่ำก็จะรีบาวด์กลับขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะมีการซื้อขายทองคำในตลาดโลกตลอด 24ชั่วโมง ราคาทองจึงเป็นไปตามกลไกของตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ช่วงราคาทองโลกขณะนี้อยู่ที่ 1,270-1,340ดอลล่าร์ต่อออนซ์ จะไม่ผันผวนเหมือนราคาหุ้นที่บางครั้งลงมาแล้วอาจจะไม่กลับขึ้นไป

ผมเลือกหุ้นหลายตัวเพราะจะใช้สูตรมหัศจรรย์แบบถือหุ้น 30ตัว เป็นเวลาอย่างน้อย 1ปี เพื่อผลตอบแทน 30%ต่อปี แต่เงินน้อยจึงถือจำนวนเท่าทีจะถือได้ ผลตอบแทนประมาณ 20% ก็สุดยอดแล้วถ้าเป็นตามสูตรที่ว่า เราเลือกหุ้นจากบริษัทที่เรารู้จักจะง่ายที่สุดและเราจะตัดสินใจได้ว่าหุ้นตัวนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไรด้วยตัวเราเอง


เราต้องออกหาปลาด้วยตัวเอง
Do it by yourself


By zurristic

---http://www.chinamobileltd.com/

Power by healthyskiner

Age Technology & Antioxidant

สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา

--- คลิ๊ก ผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชรา สุขภาพกาย ใจ และ Sex ---