Money In Stocks - ออมเงินในหุ้น

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ปัจจัยราคาหุ้น

ADVANC


ปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้น

นักวิเคราะห์ท่านหนึ่งบอกว่า เวลาที่หุ้นขึ้นสูงเราควรดูเรื่องเทคนิค ถ้าหุ้นลงต่ำให้ดูเรื่องพื้นฐาน ผมก็เห็นด้วยตามนั้น เพราะเวลาที่หุ้นขึ้นมาสูงมากส่วนใหญ่ราคาหุ้นจะสูงเกินราคาที่เหมาะสมแล้ว ในช่วงนี้ตลาดขึ้นมาที่ประมาณ 1540จุด แล้ว การดูกราฟเทคนิคจะช่วยให้เราหาจุดขายหุ้นตัวที่ขึ้นมาสูงมากเพื่อทำกำไรเอาไว้ก่อนสำหรับคนที่ต้องการส่วนต่างของราคา สำหรับการลงทุนระยะยาวจะมีการแบ่งขายทำกำไรออกไปบ้างหรือไม่ก็สุดแล้วแต่วิธีการลงทุนของแต่ละคน

ปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลต่อราคาหุ้น เช่น ตลาดหุ้นอเมริกา ยุโรป เอเชีย ค่าเงินดอลลาร์ ราคาทองคำโลก ราคาน้ำมันโลก ข่าวสงครามระหว่างประเทศ ข่าวเครื่องบินตก อย่างที่ผ่านมาจะมีเครื่องบินมาเลเซียสองลำที่ตกแล้วมีผลต่อตลาดหุ้นโลก หรือสภาพเศรษฐกิจของบางประเทศมีปัญหา ปัจจัยภายบอกจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในทางอ้อม

ปัจจัยภายในประเทศ เช่น การเมืองที่มีปัญหามาตลอดเวลาหลายปี สภาพเศรษฐกิจของประเทศ ค่าเงินบาท ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับราคาหุ้นจะเป็นผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ แต่ในตลาดหุ้นมีปัจจัยหลายเรื่องที่กระทบต่อราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็น การซื้อขายเก็งกำไรที่มีผลอย่างมากต่อราคาหุ้น การปั่นหุ้น (มีผู้เข้ามาทำราคาหุ้นให้สูงแล้วขายทำกำไรในหุ้นตัวนั้นๆ) การทำราคาหุ้น (บริษัทมือที่สามเป็นผู้เข้ามาทำราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมตามที่บริษัทเจ้าของหุ้นตัวนั้นๆ ต้องการ เช่น หุ้น IPO) นอกจากนี้การซื้อขายของนักลงทุนกลุ่มต่างชาติและนักลงทุนกลุ่มสถาบันต่างๆ จะกำหนดการขึ้นลงของตลาดเพราะมีเงินทุนมากกว่านักลงทุนรายย่อย

PSL

ตัวอย่างหุ้นวัฏจักร ที่ราคาเปลี่ยนแปลงขึ้นลงจากวัฏจักรของธุรกิจนั้นๆ เช่น ธุรกิจท่าเรือและการเดินเรือ (TTA, PSL) ในช่วงฤดูฝนมีพายุและมรสุมในทะเลทำให้กระทบกับการเดินเรื่อ ราคาหุ้นก็จะตกลงตามผลประกอบการในช่วงนั้นที่การเดินเรือจะลดลงจากสภาพอากาศ เราสามารถรอจังหวะนี้เพื่อเข้าเก็บหุ้นในลักษณะนี้ได้ที่ราคาถูกและจะได้ส่วนต่างของราคาหุ้นมากเมื่อหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น

TTA


ในวันที่เครื่องบิน MH017 ที่ถูกกลุ่มกบฏรัสเซียยิงตก เป็นทั้งเรื่องสงครามและการตกของเครื่องบินพาณิชย์ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ที่จะถูกยิงตก ทำให้ตลาดหุ้นทั้งโลกตกลงทันทีและก็กระทบกับตลาดบ้านเราด้วย ดังนั้นปัจจัยที่กระทบกับราคาหุ้นจึงมีหลายปัจจัย ราคาหุ้นจึงไม่ได้ขึ้นลงตามสภาพที่มันควรจะเป็นเหมือนราคาทองคำในประเทศที่เปลี่ยนแปลงตามราคาทองคำโลก และในตลาดหุ้นอเมริกาที่ การทำราคาหุ้น การปั่นหุ้น หรือการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน จะมีผลต่อราคาหุ้นไม่มากเพราะตลาดมีขนาดใหญ่มากจึงมีการแข่งขันค่อนข้างจะสมบูรณ์และน่าจะเกิดความยุติธรรมสำหรับนักลงทุนรายย่อยได้มากกว่า ไม่เหมือนตลาดหุ้นไทยที่มีขนาดเล็กจึงมีกลุ่มผู้ที่สามารถกำหนดราคาของหุ้นได้ และมีนักลงทุนบางคนที่มองเห็นปัญหานี้แล้วย้ายไปลงทุนในตลาดอเมริกา

TRUE


การซื้อหุ้นตัวใหญ่น่าจะปลอดภัยสำหรับคนที่มีเงินทุนมากหน่อยและลงทุนในระยะยาว เพราะราคาหุ้นจะผันผวนน้อยกว่าหุ้นตัวเล็ก สภาพพื้นฐาน ผลประกอบการ เงินปันผลก็ดีกว่า จะมีกรณีของ ADAVANC และ INTUCH ที่ราคาหุ้นตกลงในช่วงนี้เพราะมีการชะลอการประมูลคลื่น 1800 และ 900 รวมทั้งชะลอการประมูล 4G มีผลให้ถ้า ADVANC ประมูลคลื่นเหล่านี้ไม่ได้จะทำให้เหลือโครงข่ายเพียง 5MHz และ TRUE มีการปรับเรตติ้งจากหุ้นเก็งกำไรเป็นหุ้นประเภทลงทุน เพราะมีการเข้ามาถือหุ้นของบริษัทไชน่าโมบายของจีน จึงทำให้มีการปรับมูลค่าของ AIS DTAC TRUE และมีการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนทุกกลุ่มย้ายมาลงทุนเพิ่มใน TRUE กรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานดีและเป็นหุ้นขนาดใหญ่

INTUCH


การใช้ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอสำหรับตลาดหุ้นไทย นักลุงทุนระยะยาวจำเป็นต้องติดตามข่าวสารและศึกษาเรื่องกราฟเทคนิคไว้บ้างเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นบ้านเรา ในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากพร้อมกับการขึ้นของ SET ที่จะไปที่ 1600จุด เรื่องข้อมูลพื้นฐานจึงไม่อาจจะรับประกันได้ว่าเราจะปลอดภัยจากความเสี่ยงนี้ เพราะราคาหุ้นหลายๆ ตัวขึ้นมาสูงมากเกินกว่าราคาที่ควรจะเป็นแล้ว ค่า PE จะสูงมาก เนื่องจากการเข้าเก็งกำไรของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ใส่เงินเข้ามามากในตลาด

นักลงทุนรายย่อยจึงควรเป็นเหมือน เหาฉลาม ที่เล่นหุ้นเกาะหลังฉลามตัวใหญ่ไป ไม่ควรจะสู้กับฉลามโดยตรงเพราะไม่มีทางที่จะเอาชนะได้ ตามที่นักวิเคราะห์แนะนำไว้


By zurristic



อาจารย์ยุ้ย นักลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา

Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา















วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หุ้นเมกะเทรนด์




Megatrend เปลี่ยนโลก

ในวงการคอมพิวเตอร์ยอมรับว่า iPhone และ iPad เป็นนวัตกรรมที่เกิดกับคอมพิวเตอร์ แต่ไม่เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนอะไรมากไปกว่าเดิม คอมพิวเตอร์เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในเจนเนอเรชันที่ 4 วงจรประมวลผลมีขนาดเล็กลงเพื่อนำไปใช้ในโทรศัพท์มือถือ และแล้วผลงานของสตีฟ จ็อบ ก็เป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอีกครั้ง ยอดขายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน๊ตบุ๊คตกลง เพราะคนหันมาใช้แท็บเล็ตกันมากขึ้นทั้งเด็กและผู้สูงวัยก็ซื้อมาใช้กัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Apple ได้สร้างเมกะเทรนด์เปลี่ยนโลก เมกะเทรนด์ตัวอย่างอื่นเช่น การดูแลสุขภาพในระดับ DNA คือ การดูแลรักษาร่างกายที่เลือกว่าจะทำกับ DNA ตัวไหน หรือการเปลี่ยนขั้วทางเศรษฐกิจโลกจากยุโรปมาเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน



มีคนบอกว่า ทีวีดิจิตอล ที่เริ่มออกอากาศเป็นเมกะเทรนด์ของเมืองไทยแต่ในต่างประเทศเขามีกันมาก่อนแล้วแม้กระทั้งวิทยุดิจิตอล ทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีของ True ที่มีมาก่อนหน้าก็เป็นระบบดิจิตอล แต่ในครั้งนี้เป็นการประมูลช่องทีวีสาธารณะความถี่ใหม่ในระบบการส่งสัญญาณแบบดิจิตอลผ่านเสาโครงข่ายภาคพื้นดิน สำหรับบ้านเราทีวีดิจิตอลจะไปได้ไม่ดีอย่างที่คิด เนื่องจากเนื้อหาและการนำเสนอไม่หลากหลายพอ มีการคาดการณ์กันว่าจะมีหลายช่องที่จะไม่สามารถอยู่รอดได้ในอุตสาหกรรมนี้ เพราะเนื้อหาไม่ดีพอที่จะมีโฆษณาเข้ามารวมทั้งค่าโฆษณาจะถูกลงเพราะมีการแข่งขันจากจำนวนช่องที่มากขึ้น ถ้าไม่รวมช่องที่มีอยู่เดิม 3,5,7,9 แล้ว ช่องใหม่ที่น่าจะอยู่รอดได้จะเป็นช่องไทยรัฐ ที่มีเงินทุนมากสามารถจ้างดารา พิธีกรชื่อดังมาอยู่ในช่องได้ ช่องอื่นๆ ถ้าไม่มีอะไรนำเสนอได้ดีกว่านี้คงไม่น่าจะมีกำไรพอที่จะดำเนินการต่อไป บริษัทผู้ผลิตรายการเจ้าเก่าอย่าง JSL บอกว่ารายใหม่ทุกช่องอาจจะต้องแบกรับการขาดทุนอย่างน้อยสองปีแรก ถ้าเงินทุนไม่มากพอก็ไม่อาจจะอยู่รอดในระยะยาวได้



การหวังกับบริษัทหรือหุ้นที่เกิดเป็นเมกะเทรนด์จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายนัก เพราะไทยเราเป็นได้เพียงผู้ตามไม่สามารถสร้างสินค้านวัตกรรมเองได้ ทำได้เพียงรับจ้างผลิตชิ้นส่วน วงจรต่างๆ ได้แค่นั้น สิ่งที่จะแข่งขันกับต่างชาติพอได้เช่น การแพทย์ของบ้านเราที่มีบุคลากรผู้เชียวชาญไม่แพ้ชาติอื่น ไทยสามารถเป็น Hub ทางการแพทย์ของโลกได้เพราะต้นทุนค้าจ้างผู้ชำนาญที่ถูกกว่าแต่มีความสามารถสูง หรืออุตสาหกรรมอาหารก็เป็นครัวของโลกได้เช่นกัน รวมทั้งการท่องเที่ยวบ้านเรามีทรัพยากรและสถานที่ที่สวยงามมากมายไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือภูเขา วัฒนธรรมที่ดีงาม ผู้คนที่มียิ้มสยามและค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวก็ไม่แพงคุ้มค่ากับการเดินทางมา

ถ้าเราบูรณาการเรื่องการรักษาพยาบาล อาหาร การท่องเที่ยว เข้าด้วยกันได้ก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเมื่อเข้าสู้ประชาคมอาเซียนเราจะเป็นศูนย์กลางของการเดินทางในภูมิภาคนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะนี้จึงมีการเตรียมการเป็น Hub ในการรักษาพยาบาลโดยมีอาหารที่ดี อร่อยสะอาดปลอดภัย รวมทั้งใช้โลเคชั่นที่เป็นสถานที่ท่องเทียมเพื่อนการพักฟื้นหลังจากการรักษาพยาบาล อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นที่จะได้รับผลดีได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์ได้เตรียมการสำหรับการบริการ roaming ให้กับคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย หรือธุรกิจการเงินก็จะได้รับผลโดยตรงจากการแลกเปลี่ยนเงินตราหรือการทำธุรกรรมการเงินของคนต่างชาติ

ในการเลือกลงทุน ดีวีดิจิตอลจึงยังเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ควรเลือกในขณะนี้ ถ้าจะเลือกควรเลือกช่องที่ได้รับความนิยมอยู่เดิม การเปิดประชาคมอาเซียนจึงเป็นเมกะเทรนด์สำหรับภูมิภาคเอเชียและประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจึงไม่อาจจะใช้คำว่าเมกะเทรนด์ได้


By zurristic






Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา













วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หุ้นขาขึ้น



เมื่อหุ้นเป็นขาขึ้น

จากช่วงการชุมนุมทางการเมืองครั้งล่าสุดที่ผ่านมา SET ลงไปที่ 1200จุด แล้วกลับขึ้นมาที่ 1520จุด ในช่วงนี้ ถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าจะขึ้นมา 300จุด เราก็คงเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่ช่วงยังมีการชุมนุมอยู่ และในช่วงชุมนุมนักวิเคราะห์ยังบอกว่าตลาดจะลงต่อไปที่ 1100จุด แต่แล้วก็กลับตัวขึ้นที่ 1200จุด

มีนักวิเคราะห์ท่านนึงบอกว่า เขาใช้ทฤษฎีดาวเป็นหลักในการดูแนวโน้มหุ้น ซึ่งผมก็ได้อ่านหนังสือมาบ้างแต่ยังไม่เข้าใจว่าจะนำมาใช้ยังไง ใครสนใจโหลดเอกสารด้านล่างเพื่ออ่านเพิ่มเติม เรามาดูบนกราฟของ e-fin ทีทุกคนต้องมีใช้กัน ใครที่เปิดบัญชีกับบล. แล้วยังไม่ได้ใช้ติดต่อกับโบรกเกอร์ของท่าน จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมีมาให้ใช้ทุกบล. เอาแบบโดยสรุปสั้นๆ ดูที่กราฟรายตัวของ e-fin กดเมนู F7 กดเลือกเครื่องมือที่ปุ่มบวกด้านขวามือ เลือก …to active panel แล้วเลือก General Indicators/Zigzag เราก็จะได้เส้นซิกแซกบนเส้นราคากราฟ เมื่อเกิดยอดของเส้นซิกแซกสามยอดจะเป็นช่วงเปลี่ยนขาขึ้นเป็นขาลงของตลาด เอาง่ายๆ แบบนี้ ดูรูปประกอบ จุดซิกแซก 1,2,3,4,5 ตามรูป จะได้สามเหลี่ยมสามยอด พอเกิดยอดที่สี่จะเป็นขาลงตามทฤษฎีดาวที่ถูกคิดมาแล้ว 100ปี โดย Charles Henry Dow และเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน Edward Jones แล้วชื่อของเขาทั้งสองถูกนำมาใช้เป็นชื่อตลาดดาวโจนส์ของอเมริกาตามที่เรารูจักในทุกวันนี้




มีหลายคนที่ไม่ได้ใช้หรือไม่เชื่อในเรื่องกราฟเทคนิค กราฟหุ้นคือการสร้างเส้นราคาจากราคาหุ้นแต่ละวันนำมาสร้างจุดตัดบนแกนตั้งเป็นราคา แกนนอนเป็นวันที่ สำหรับกราฟรายวัน แต่ในวันพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึงเราไม่อาจรู้ราคาได้ว่าจะเป็นเท่าใด แต่กราฟจะบอกแนวโน้มของราคาในวันถัดไป ถ้าเรามองในมุนคนที่ไม่เชื่อในทฤษฎีของกราฟเทคนิค อาจจะคิดได้ว่าเหตุที่ทฤษฎีดาวแสดงแนวโน้มราคาหุ้นตามที่เห็นคือเมื่อเกิดสามเหลี่ยมสามยอดแล้วจะเกิดขาลงในยอดที่4 เป็นเพราะทุกคนในโลกใช้ทฤษฎีนี้เหมือนกันหมดและทำการซื้อขายตามแนวโน้มที่กราฟนั้นแสดงออกมา รวมทั้งค่า RSI ที่ 70 คือจุดซื้อมาก จะเป็นจุดขาย และจุด RSI 30 เป็นจุดที่ควรเข้าซื้อ ทุกคนจึงเข้าซื้อขายในจุดเดียวกัน และการใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่ 14 และ 26วัน ที่ทุกคนนิยมใช้กัน การซื้อขายก็เกิดจากการตัดขึ้นและลงของเส้นค่าเฉลี่ย ตัวอย่างตามที่ว่ามานี้จึงทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นเปลี่ยนไปตามทฤษฎีและเครื่องมือทางเทคนิคที่นิยมใช้กัน สรุปได้ว่าถ้ามันเป็นไปตามทฤษฎีและเครื่องมือต่างๆ เราก็สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรถ้าจะลองใช้ดู

จากวันนี้ที่ 1529จุด ก็มีการคาดการณ์ว่าตลาดจะไปที่ 1600จุด ถ้าเราเชื่อว่าตลาดจะไปต่อก็ต้องเข้าซื้อในช่วงนี้ถ้ายังมีเงินสดอยู่ในมือ ถ้าดูตามเส้นซิกแซกเพิ่งจะเป็นจุดที่ 1 ที่จะเกิดยอดสามเหลี่ยมยอดแรกเท่านั้น การที่จะไปที่ 1600 จึงน่าจะเป้นไปได้ตามทฤษฎีดาว ถ้ายังกล้าๆ กลัวๆที่จะเข้าซื้อ เราเลือกซื้อตัวที่ย่อลงมาและขายตัวที่ขึ้นไปเยอะแล้วสลับกันไป ใครที่ใจแข็งพอก็ถือไปจนกว่าตลาดจะเริ่มมีการทยอยขายและย่อตัวลงมาแรงๆ หรือขายก่อนที่จะชน 1600จุด


ความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงที่สุด คือการไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย
---มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก


By zurristic




เส้น Zigzag บน SET และ HMPRO ตามทฤษฎีดาว







Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา














วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บริษัทดี หุ้นดี



บริษัทที่ดีน่าจะมีหุ้นที่ดีด้วย

ร้าน 7-11 เป็นร้านสะดวกซื้อ (Convenience store) ที่ทุกคนรู้จักดี มีสาขาประมาณ 7,000สาขา จำนวนสาขาเป็นอันดับสามของโลกรองจากอเมริกา ประเทศต้นกำเนิดและญี่ปุ่น ลักษณะบริษัทแบบนี้เรารู้จักธุรกิจของเรามาทำอะไร มีลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ร่วมทั้งเราได้ใช้บริการ การที่เราจะซื้อหุ้นของบริษัท CPALL จึงตัดสินใจได้ไม่ยากและเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะยังคงเติบโตต่อไป การลงทุนในหุ้นสำหรับมือใหม่จึงไม่ยากอย่างที่คิด อีกบริษัทหนึ่ง CPF ในเครือเดียวกันมีร้าน CP fresh mart ที่เป็นร้านสะดวกซื้อเช่นกัน เราก็เข้าใจธุรกิจของเขาได้ไม่ยาก ธุรกิจการค้าปลีกแบบนี้ยังมี BIGC, MAKRO

โฮมโปร์ (HMPRO) ที่เน้นการตกแต่งบ้านมากกว่า โกลบอล เฮ้าส์ (GLOBAL) ที่มีสินค้าหลากหลายกว่าไม่ว่าจะเป็นเหล็ก สินค้าโครงสร้างต่างๆ และสินค้าตกแต่งบ้านก็มี แต่ทั้งสองบริษัทไม่ได้เป็นคู่แข่งกันโดยตรง โกลบอลจะมีสินค้าที่อยู่ต้นน้ำ (Logistic-เส้นทางการส่งสินค้า) มากกว่าได้แก่ เหล็ก อิฐ หิน ปูน ทราย หุ้นสองตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่ม Commerce (การค้าปลีก) ในตลาดหลักทรัพย์ ตัวอื่นๆ เช่น JMART, SINGER, SPVI (ร้าน iStudio ของ Apple)




กลุ่มโรงพยาบาล (Health care service) เราก็น่าจะได้ใช้บริการบ้างไม่ว่าจะเป็นญาติหรือตัวเราเองในโรงพยาบาลต่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะเจ็บป่วย ตัวหุ้นในกลุ่มนี้ เช่น BGH-รพ.กรุงเทพ, BH, BCH, VIBHA, RAM (รพ.รามคำแหง)

แค่ที่ว่ามานี้เราก็ไม่รู้จะเลือกหุ้นตัวไหนแล้ว แต่ถ้าเรามีเงินทุนไม่มากจำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรม เราอาจจะต้องเลือกหุ้นมาหนึ่งตัวจากแต่ละอุตสาหกรรม เพราะสมมุติในหน้าฝนธุรกิจค้าปลีกยอดขายจะไม่ดีเนื่องจากการเดินทางไม่สะดวกคนออกจากบ้านน้อยกว่าฤดูอื่นๆ ถ้าเราถือหุ้นกลุ่มนี้หลายตัวผลตอบแทนในช่วงนั้นอาจจะไม่ดี

ในกลุ่มที่เราอาจจะไม่เข้าใจธุรกิจของเขามากนัก เช่น กลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทนิค (Electronic component) SVI, SMT, KCE, HANA, DELTA ในปัจจุบันยอดขายสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สูงมาก กลุ่มธุรกิจนี้จึงมีคนสนใจเข้าลงทุนพอสมควร เราสามารถเลือกลงทุนได้โดยเปิดดูเว็บไซด์ของบริษัทเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้




ถ้ามาดูหุ้นรายตัวเช่น TICON มีโกดังให้เช่า TTA มีตู้คอนเทนเนอร์และได้ค่าจอดเรือขนสินค้า TRUE, DTAC, ADVANCE อันนี้ใกล้ตัวเราเลยใช้อยู่ทุกวัน KBANK, SCB, BBL, KTB กลุ่มธนาคารที่ทุกคนต้องมีบัญชีธนาคาร และ ATM กลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เช่น ช.การช่าง-CK, ชิโนไท-STEC, แสนสิริ-SIRI, ลุมพีนี-LPN เราก็เห็นธุรกิจของเขาได้ทั่วไป นอกจากนี้ก็มีกลุ่ม ท่องเที่ยวโรงแรม, กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ (ทีวี, หนังสือ, โรงพิมพ์) กลุ่มภาคเกษตร, กลุ่มพลังงาน (น้ำมัน, โรงกลั่น), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (ผลิต อิฐหิน ปูน ทราย) กลุ่มอาหาร MINT-พิซซ่า, CPF จัดอยู่ในกลุ่มนี้, OICHI, ICHI, M-mk สุกี้ หรือกลุ่มธุรกิจประกันภัย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เราจะเคยได้ยินและรู้จักบริษัทเหล่านี้ จึงไม่ยากที่จะทำความเข้าใจได้



มีหุ้นประมาณ 600ตัว ให้เราเลือกเข้าลงทุน ไม่ได้เป็นการยากลำบากเลยสำหรับมือใหม่ที่จะตัดสินใจเข้ามาในตลาดหุ้น ที่มีผลตอบแทน 5-10%ต่อปี ซึ่งจะได้มากกว่าการฝากเงิน การซื้อพันธบัตร มีความเสี่ยงน้อยกว่าการทำธุรกิจของตัวเอง สามารถทำการซื้อขายได้ตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์

บริษัทที่ดี เราดูได้จากบัญชีการเงินที่มีกำไร มีเงินทุนหมุนเวียนมากพอในการทำธุรกิจ เราเริ่มดูง่ายๆ ไม่ต้องกังวลว่ามันเยอะจนจะดูไม่ไหว ค่อยๆ ฝึกดูไปแล้วถ้าจะให้ละเอียดมากขึ้นเราค่อยศึกษาเพิ่มภายหลังได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ดูละเอียดอะไร โดยเริ่มดูที่ผลกำไรสุทธิของบริษัท (Net profit) ประมาณ 1,000ล้านบาท จะเป็นบริษัทขนาดกลางๆ ที่มือใหม่เลือกลงทุนได้, รายได้รวม, กระแสเงินสด (Net cash flow) จะเป็นเงินสดที่ได้เข้ามาในกิจการจากยอดขายหรือรายได้รับของกิจการ, สินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัท สิ่งปลูกสร้าง เครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ, หนี้สินรวม ที่เอาไปลบออกจากสิทนทรัพย์รวม จะได้เป็น ส่วนของผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้เราดูค่า P/E (ราคาต่อหุ้น) ถ้าค่าเปอร์เซ็นต์น้อยคือหุ้นตัวนั้นมีราคาถูก, ROE ผลตอบแทนต่อหุ้น ว่าเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ เริ่มดูประมาณนี้เพื่อไม่ให้ดูยุ่งยากเกินไป ซึ่งผมก็ดูไม่มากไปกว่านี้เลยครับ จะดูรูปแบบของธุรกิจก่อนแล้วจึงมาดูงบการเงินทีหลัง ใน App OppDay จะมี CG score หรือ คะแนนบรรษัทภิบาล บริษัทที่มีความโปร่งใสในการบริหารงาน จะช่วยให้เราตัดสินใจในการเลือกหุ้นได้บ้าง


OppDay



เลือกลงทุนในธุรกิจที่เรารู้จัก
---วอร์เรน บัฟเฟตต์


By zurristic






คะแนนบรรษัทภิบาล









Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา







วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สะสมหุ้น (3)




การซื้อสะสมหุ้น ตอนที่ 3

การทำกำไรในรอบที่ 3 ต่อจากคราวที่แล้ว หุ้นขึ้นมาทดสอบที่ 1,493จุด เพื่อที่จะไปที่ 1,500จุด ส่วนหนึ่งมีการทำ Window dressing ของกลุ่มกองทุนเพื่อแสดงมูลค่าทางบัญชีของแต่ละกองทุน ก่อนปิดบัญชีครึ่งปีแรกในไตรมาสที่ 2 ทำให้ตลาดขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ กำไรที่ได้มาสองรอบที่แล้วหายไปกับ PCA ที่เข้าตลาดใหม่ (IPO) ด้วยการไม่รักษาวินัยเข้าไป day trade เลยขาดทุนไปเกือบหมดจากที่ได้กำไรมาในรอบนี้ การมีวินัยและทำตามแผนที่วางไว้จะช่วยให้เรามีกำไรมากกว่าที่จะขาดทุน ในสัปดาห์สองของเดือนกรกฎาคมหุ้นขึ้นไปทดสอบ 1513จุด แล้วย่อตัวลงมา

หุ้นตัวเดิมที่ผมกลับเข้าไปซื้อ คือ GLOBAL HMRPO SITHAI และซื้อ MC ที่เป็นตัวใหม่ ในพอร์ตที่ 1 ส่วนพอร์ตที่ 2 ตัวเดิมคือ TICON SGP SE_ED ตัวใหม่ได้แก่ SINGER BGH VGI การเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้ราคาจะแพงแล้วต้องเลือกตัวที่ย่อลงมาแล้วเข้าเก็บ ตัวใหม่ที่เลือกจะมีค่า RSI น้อยกว่า 60 และกำไรที่ได้จะไม่มากเพราะราคาจะไปได้อีกไม่มากจะต้องเตรียมขายทำกำไรออกไปก่อนที่ Set จะปรับฐานหลังจากผ่าน 1,500จุด ขึ้นไป

ในรอบที่สามนี้ ผมถือรอให้ SET ไปที่ 1520จุด ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ คงได้กำไรทั้งพอร์ตประมาณ 5% เพราะเข้าซื้อหุ้นในช่วงราคาสูง แต่เฉพาะ HMPRO ได้กำไรมากกว่าตัวอื่นที่ 10%

HMPRO


สาเหตุที่มีสองพอร์ตเพราะตอนแรกจะเปิดเพื่อใช้เงินน้องชายเอามาลงในพอร์ตนี้ แต่พอน้องชายเปิดพอร์ตของตัวเองแล้วผมเลยมีสองพอร์ต การมีสองพอร์ตถ้าไม่จำเป็นก็มีพอร์ตเดียวก็พอ เพราะโปรแกรม Streaming เปิดได้แค่ account เดียว ถ้าเข้าพร้อมกันสองพอร์ตจะใช้งานไม่ได้และในเวลาคับขันจะงงว่าหุ้นตัวที่จะซื้อขายอยู่พอร์ตไหนกันแน่

การแนะนำของนักลงทุนบอกว่าเราควรมีหุ้นประมาณ 6ตัว จะทำให้จัดการได้ดีกว่าที่จะมีหุ้นมากเกินไป VI บางคนถือหุ้นเพียง 2ตัว ก็มี หรือบางคนถือ 20ตัว ก็มี ในหนังสือ คัมภีร์สุดยอดนักลงทุน ให้ถือ 30ตัว เพื่อกระจายความเสี่ยงในหลายๆ อุตสาหกรรมรวมทั้งเพื่อเป็นการเกาะการขึ้นลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น โดยถืออย่างน้อยเป็นเวลา 1ปี แต่การถือหุ้น 20-30ตัว ก็ต้องมีเงินในพอร์ตประมาณ 1ล้านขึ้นไปหรือมากกว่าถึงจะทำกำไรมากกว่าจะขาดทุน ซึ่งมือใหม่ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น กรณีของผมมีหุ้นประมาณ 10กว่าตัว แต่จะมีตัวที่ทำกำไรอยู่ครึ่งหนึ่ง 5-6ตัว สลับกันรอบละประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์ตามรอบของหุ้นแต่ละตัว เป็นการเล่นรอบพร้อมกับสะสมหุ้นสลับกันไป

ในการเล่นแบบสะสมหุ้นที่วางแผนไว้จึงใช้วิธีการแบบที่เขียนมานี้ โดยก่อนหน้านี้ผมจะหาหุ้นตัวใหม่ซื้อไปเรื่อยๆ จะทำให้มีการซื้อขายบ่อยครั้งและเล่นแบบไม่มีการวางแผน การสะสมหุ้นเกิดจากการเลือก Focus หุ้นตัวที่มีพื้นฐานดีจะช่วยให้ทำกำไรได้ และหุ้นจะไม่ตกลงมากในเวลาที่ตลาดปรับฐานหรือมีการขายทำกำไรแรงๆ รวมทั้งเราจะได้รับปันผลจากหุ้นตัวที่เราถือไว้ที่เหลือจากการขายทำกำไรไปบางส่วนแล้ว


ถือหุ้นไว้เฉยๆ กำไรมากกว่าซื้อขายบ่อยครั้ง


By zurristic

ผมอ่านหนังสือเล่นนี้เป็นรอบที่สอง ถึงจะเข้าใจว่าผู้เขียนต้องการจะบอกอะไร ลองหาอ่านกันดูครับ เขาจะบอกสูตรมหัศจรรย์ของการลงทุนในหุ้น ที่อธิบายด้วยงานวิจัยที่ใช้ข้อมูล 17ปี ย้อนหลัง กับการถือหุ้นปีละ 30ตัว ที่จะทำกำไรได้ทุกปีๆ
ผลตอบแทนเฉลี่ย 30% ของสูตรมหัศจรรย์ ที่ใช้สูตรทางการเงินเพียง 2สูตร เพื่อเลือกหุ้น 30ตัว
แม้แต่การใช้ 77ปัจจัย ในการเลือกหุ้นของงานวิจัยอื่น ก็มีผลตอบแทนต่ำกว่า





Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา















วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เงินเกษียณอายุ



เงินออมเพื่อการเกษียณอายุ 

สำหรับคนที่เป็นข้าราชการจะมีเงินบำเหน็จบำนาญ แต่ปัจจุบันจะเหลือแค่บำเหน็จที่เป็นเงินก้อนให้เมื่อเกษียณอายุราชการ นอกจากนี้ยังมี กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ข้าราชการต้องจ่ายสะสมเข้าไปทุกเดือนเป็นเงินทุนของตนเอง ในแต่หน่วยงานจะมีกองทุนของตัวเอง เช่น กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ชพค.) ที่สามารถกู้เงินจากกองทุนได้และจะได้รับเงินฌาปนกิจเมื่อเสียชีวิต

แล้วถ้าเราเป็นคนที่ทำงานภาคเอกชนก็จะมีกองทุนประกันสังคม ถ้ามีเงินเดือน 15,000บาท จะได้รับเงินบำนาญเมื่อเกษียณอายุเมื่อ 60ปี เดือนละประมาณ 3,000บาท ถ้าเมื่ออายุ 80ปี 3000x12เดือนx20ปี=720,000บาท คิดแบบนี้ดูเยอะแต่ 3,000บาทต่อเดือนจะพอใช้ในยามเกษียณหรือป่าว

มาเปรียบเทียบกับเงินบำเหน็จของข้าราชการเงินเดือน 15,000บาท จะเป็นเงินก้อน 15000x35ปีอายุราชการ=525,000บาท ปัจจุบันไม่มีการจ่ายบำนาญแล้วสำหรับข้าราชการ กรณีเงินบำนาญข้าราชการเอา 15000xอายุราชการ แล้วหารด้วย 50, 15000x30ปี/50=9,000บาทต่อเดือน เมื่อเสียชีวิตจะได้เงินบำนาญตกทอด 9,000x15=135,000บาท

สำหรับกองทุน ชพค. สถานศึกษาเอกชนสามารถเป็นสมาชิกได้ การกู้เงินครั้งแรกจะกู้ได้ประมาณ 600,000บาท ดอกเบี้ย 7% ต่อปี กองทุน กบข. ก็เช่นกัน วงเงินการกู้ยืมสูงกว่า ชพค. เพราะกองทุนมีขนาดใหญ่กว่า พนักงานเอกชนอาจจะมีเพียงช่องทางการกู้กับธนาคารเท่านั้นที่สะดวกที่สุด และไม่ใช่ทุกคนจะขอกู้เงินกับธนาคารได้ ถ้าคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์

ตัวอย่าง ข้าราชการครูเกษียณเงินเดือน 30,000บาท จะได้เงินบำเหน็จ 900,000บาท เงินบำนาญยกเลิกแล้ว, ถ้าสัมคร กองทุน ชพค. ประมาณ 900,000บาท (ได้เมื่อเสียชีวิต) และ กบข. ประมาณ 900,000บาท หรือมากกว่า (ได้เมื่อเกษียณ) รวมเป็นเงินประมาณ 2,700,000บาท ถ้ายังมีชีวิตอยู่จะมีเงินไว้ใช้ 1,800,000บาท โดย ชพค. และ กบข. ต้องสมทบเงินเข้ากองทุนทุกเดือนเหมือนประกันสังคมแต่คุ้มค่ากว่า

พนักงานเอกชนถ้ามีประกันสังคมอย่างเดียว อัตราที่จ่ายสูงสุดเพียง 7,500 บาทต่อเดือนเท่านั้น การรักษาพยาบาล ค่าทำฟัน 400บาทต่อปี เป็นไข้หวัดไปคลินิกที่รับประกันสังคม หมอคิด 400บาท เราจ่าย 200บาท อีก 200 ประกันสังคมจ่าย คงจะไม่พอที่จะดำรงชีวิตหลังเกษียณ แต่โรคพื้นฐานที่กำหนดไว้ประกันสังคมจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน คือ ประกันสังคมจ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด ยกเว้นค่าใช้จ่ายอื่นที่เพิ่มเข้ามา เช่น ห้องพักพิเศษ เลนส์ตาเทียมนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น

สำหรับข้าราชการเกษียณอายุ ค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าโรคอะไร รัฐบาลมีสวัสดิการจ่ายให้หมด ถ้าพักห้องพิเศษจะเบิกได้ 700/คืน เกินนั้นจ่ายเพิ่มเอง แต่ค่าผ่าตัด ค่ายา ไม่ต้องจ่าย

จึงมีการจัดตั้งกองทุน RMF เพื่อให้เอกชนได้มีการออมเงินเพื่อการเกษียณ ซึ่งมีผู้ที่เข้าร่วมจำนวนไม่มากนัก พนักงานภาคเอกชนจึงจะมีปัญหากับเงินที่จะใช้หลังเกษียณอายุ ถ้าไม่ได้วางแผนการเงินในการเกษียณอายุ โดยการออมใน RMF เริ่มได้ที่ 1,000บาท ซึ่งผู้มีรายได้ไม่มากก็สามารถเข้ากองทุนนี้ได้ ไม่ได้เป็นกองทุนสำหรับผู้มีรายได้สูง อย่างที่รัฐบาลจะเอามาเป็นข้ออ้างในการจะตัดสิทธิ์การยกเว้นภาษีเงินปันผลของทั้ง RMF และ LTF

ถ้าพนักงานเอกชนยังไม่คิดว่าจะออมเงินในกองทุน RMF ก็ต้องไปซื้อประกันชีวิต และถ้าจะให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลที่ดีพอ ก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันปีละเป็นหมื่นบาท


ตัวอย่าง ผลตอบแทนจากกองทุน


เราสามารถออมเงินใน RMF ได้โดยติดต่อที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทุกแห่ง เพื่อขอซื้อกองทุนแล้วรอรับปันผลปลายปีทุกปี และสามารถถอนเงินหรือขายกองทุนออกไปตามระยะเวลาที่แต่ละกองทุนกำหนด RMF ผลตอบแทนประมาณ 1-4% แล้วแต่ว่าซื้อของธนาคารอะไร, กองทุน LTF ประมาณ 1-5% ดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% ต่อปี ลงทุนในหุ้นประมาณ 5-10% ต่อปี เราเลือกลงทุนตามความสามารถในการรับความเสี่ยงที่มากน้อยต่างกัน

เราเริ่มต้นการออมได้โดยการมีเงินเก็บในธนาคารจำนวนหนึ่งและออมเงินอย่างสม่ำเสมอ เป็นการวางแผนการเงินเกษียณในระยะแรกได้ แล้วจึงเริ่มการวางแผนในกองทุนหรือหุ้นต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นกองทุนประกันสังคม กองทุน กบข. หรือ RMF จะนำเงินของสมาชิกไปลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าคุณจะสนใจตลาดหุ้นหรือไม่ คุณก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นในทางอ้อมอยู่ดี


 ได้คิดถึงเงินหลังเกษียณอายุกันหรือยัง ครับ


By zurristic









Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา