Money In Stocks - ออมเงินในหุ้น

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แรงผลักดันหุ้น




แรงผลักดันจาการลงทุนในหุ้น

ผมมีความสนใจในการเล่นหุ้นในช่วงเรียน ป.ตรี จากเพื่อนที่ซื้อหนังสือหุ้นมาแล้วให้ยืมอ่าน แต่ผมคิดว่าจะเอาเงินที่ไหนมาเล่นจึงเลิกล้มความคิดไป หลังจากจบ ป.โท เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นโบรกเกอร์ก็มาชวนให้เปิดพอร์ตหุ้น ผมบอกไปว่าไม่มีเงินเล่นหรอก หลังจากนั้นผ่านมาเป็นเวลา 10ปี น้องสาวเล่าว่าได้ลงทุนในหุ้นและกองทุนตามที่เคยเขียนไปแล้ว ผมจึงได้กลับมาคิดเรื่องหุ้นอีกครั้งแล้วได้โทรหาเพื่อนที่เป็นโบรกเกอร์คนนั้นว่ายังทำงานที่เดิมหรือป่าว และในที่สุดได้เปิดพอร์ตหุ้นกับเพื่อนด้วยเงินไม่ถึงแสน แล้วได้มาเปิดพอร์ตที่สองเพื่อลงทุนระยะยาวในสี่เดือนต่อมากับบริษัทหลักทรัพย์อีกแห่งหนึ่ง

ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวง แต่หลายๆ ครั้งของชีวิตมันก็อธิบายได้ยากว่าบางครั้งบางเหตุการณ์มันเหมือนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่ายังไงก็ต้องเกิดขึ้นกับเรา ผมเป็นคนไม่ได้วางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้าไกลนัก เอาแค่ปีต่อปีไม่เกิน 3-5ปี แต่หลังจากได้เข้ามาเล่นหุ้นและได้รู้ข้อมูลของนักลงทุน VI ที่รู้จักและจากสื่อต่างๆ ทำให้เริ่มคิดว่าจะวางแผนแบบ 10ปี ดูบ้าง แต่รู้สึกเสียดายที่เข้ามาเล่นตอนอายุมากแล้ว

สิ่งแรกที่จะได้จากการเล่นหุ้นคือ การออมเงินในหุ้นในแบบลงทุนระยะยาว ควรจะวางแผนไว้ที่ 5-10ปี เช่น ลงทุนเดือนละ 5,000*12เดือน=60,000บาท ถ้าปันผล 5% ต่อปี=3,000บาท ใครที่ลงทุนมาแค่ปีสองปียังเรียกตัวเองว่า VI ไม่ได้นะครับ (อ่านเพิ่มเติม ลงทุนแบบทบต้น)


การวางแผนระยะสั้น อาจกำหนดว่าเก็งกำไรให้ได้วันละ 500บาท*20วันทำการ=10,000บาทต่อเดือน ถ้าทำกำไรได้ทุกวันซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะไม่ขาดทุนเลย หรือกำหนดว่าเก็งกำไรให้ได้สัปดาห์ละ 2,500บาท คือไม่เล่นแบบ day trade แต่เล่นรอบของหุ้นรายตัว จากการคำนวณรายได้แบบนี้ทำให้นักลงทุนที่ทำงานประจำมองว่าเป็นช่องทางที่จะเล่นหุ้นเป็นอาชีพแบบเต็มเวลาและลาออกจากงานประจำ เพื่อให้นำไปสู่อิสรภาพทางการเงินซึ่งมีนักลงทุนหลายๆ คนทำได้และประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้


น้ำหนาว


ผมเข้าสู่ตลาดหุ้นมาเป็นเดือนที่ 10 ได้บ้างเสียบ้าง ณ วันที่เขียนยังติดดอยอยู่ทั้งพอร์ต ที่คิดว่าตัวเองรู้ดีแล้วมันไม่ใช่เลย แต่ละช่วงสถานการณ์มันทำแบบที่เคยทำไม่ได้ มาเจอช่วงชุมนุมทางการเมืองอีกไปกันใหญ่เลยทีนี้ จึงยังต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ทุกหัวข้อที่เขียนมาเขียนหลังจากได้ทดลองทำไปแล้ว จนล่าสุดที่เขียนไปคือ DW ถ้าไม่ลองก็จะไม่เข้าใจวิธีการเล่น หลังจากต้องเจอตลาดขาลงหลายเดือนติดดอยลงไม่ได้ ก็ได้ DW เป็นทางออก ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงเราก็ทำกำไรได้ และช่วยให้เราบริหารความเสี่ยงจากตลาดหุ้นได้

หุ้นจะช่วยให้เรามีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น ชีวิตจะ Active ขึ้น เพราะต้องติดตามข่าวสารตลอดเวลา ชีวิตมีสีสันขึ้น ลืมความเบื่อหน่ายในงานประจำได้ ชีวิตดูจะมีความหวังมากขึ้น สิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำก็ได้คิด เช่น จะไปซื้อที่ทำบ้านพักตากอากาศหลังเล็กๆ บนภูเขาอากาศ 25องศาตลอดปี ลองปลูกกาแฟขี้ชะมดที่ราคากิโลละหลายหมื่นถึงแสนบาท ประมาณนี้


ชีวิตแสนสั้น ศิลปะนั้นยืนยาว ถ้าหุ้นเป็นช่องทางที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ไม่มากก็น้อย ลองเดินเข้าไปดูจะเสียหายอะไร


By zurristic






Tip of day

กราฟ SET แสดงแบบราย 1นาที จะช่วยในการดูแนวโน้มตลาดในระหว่างวันได้ เมื่อมีการซื้อมากจนค่า RSI ถึง 70% ก็จะมีแรงขายออกจน RSI ลงมาที่ 30% แล้วมีแรงซื้อกลับสลับกันไปมาแบบนี้ในช่วงผันผวน แต่เมื่อเป็นขาขึ้นกราฟแท่งเทียนจะวิ่งชนขอบบนของ Bollinger ค่า RSI เกิน 70% เมื่อวิ่งขึ้นชนเรื่อยๆ กราฟจะมีความชันประมาณ 45องศา แสดงให้เห็นว่า SET เป็นขาขึ้นแล้ว เราก็เลือกเข้าซื้อหุ้นที่ต้องการได้

  
 (คลิ๊ก ภาพขยาย)

จากภาพ กราฟขึ้นชนเส้น RSI 70% ผ่านไปประมาณ 40นาที SET มีแรงขายลงที่ RSI 30% แล้วมีแรงซื้อกลับต่อเนื่องวิ่งขึ้นมีความชัน 45องศา ตลอดจนปิดตลาดในวันนั้น


หุ้นตัวนี้ราคาขึ้นไปตาม SET ช่วงที่เป็นขาขึ้น



นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เริ่มที่ห้าหมื่นบาท 8ปี พอร์ตโตเลขแปดหลัก







Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น