Money In Stocks - ออมเงินในหุ้น

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

หมดยุคทองคำ


หมดยุคของทองคำ

เป็นหัวข้อทางทีวี ในช่วงขาลงของทองคำ ภาพในทีวีมีคนไปต่อคิวซื้อทองคำที่ร้านทอง นึกว่าคนไปต่อคิวซื้อบัตร โน๊ต อุดมฯ เดี่ยวไมโครโฟน ผลจากการขายทองคำสำรองของประเทศไซปรัสเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ราคาทองคำตลาดโลกจากประมาณ 1,549 US$/ออนซ์ ลงมาที่ 1,373US$ (พุธ 17 เม.ย. 56)

1 ออนซ์ = 28.34 กรัม
1 บาท ทองคำ = 15.244 กรัม
(1ออนซ์ ประมาณ ทองคำ 2บาท)

ราคา ณ 17 เม.ย. 56 ทองคำแท่ง ราคาขาย 18,900 บาท จากก่อนสงกรานต์ที่ 21,350 บาท เกิดการเทขายในตลาดทองคำ (Panic sale) ทั่วโลก เหมือนที่เกิดกับตลาดหุ้นไทยเมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ แต่การลงของทองคำไม่กระทบกับตลาดหุ้นไทยมากนัก เปิดตลาดในวันแรกของการทำการ ตลาดหุ้นไทยยังขึ้นตามตลาดหุ้นโลก และส่วนหนึ่งอาจมีการย้ายเงินจากทองคำมาที่ตลาดหุ้น

นักลงทุนหลายคนแนะนำว่าให้กระจายการลงทุนไปที่ทองคำ เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้น แต่ในวันนี้ทองคำราคาลงมาต่ำมาก และทำให้เกิดความเสี่ยงไม่น้อยกว่าหุ้น

นอกจากนี้จะมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด บ้าน ที่ดิน ซึ่งในช่วงนี้ คอนโด มีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากจนมีความกังวลว่าจะเกิดฟองสบู่ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่สำหรับมือใหม่อาจจะมีเงินทุนไม่มากพอที่จะนำไปลงในอสังหาริมทรัพย์

ในภาวะเช่นนี้ทำให้การลงทุนต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะมีความผันผวนในหลายๆ ตลาด การลงทุนในกองทุน LTF, RMF อาจจะช่วยลดและถัวเฉลี่ยความเสี่ยงลงไปได้ กับผลตอบแทนประมาณ 10-15% ต่อปี




ผมได้คุยกับ VI ท่านหนึ่ง มีข้อสังเกตอันหนึ่งคือ เขาลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ไม่มีการลงในตลาดอื่นเลย ไม่ว่า ทองคำแท่ง, gold future หรือ TFEX เขาลงทุนมาประมาณ 9ปี และได้ลาออกจากงานประจำมาแล้วสองปี

ในความเห็นของผม ทองคำแทง จะซื้อขายได้ไม่สะดวกนัก การเปลี่ยนเป็นเงินสดจึงไม่สะดวกไปด้วย ส่วน gold future และ TFEX จะไม่มีข้อมูลพื้นฐานเหมือนหุ้น ที่มีเรื่องราวและตัวบริษัทที่ดำเนินการอยู่จริง มีเงินปันผล ไม่ได้เป็นการเก็งกำไรหรือเล่นกับการขึ้นลงของราคาตลาดเพียงอย่างเดียว ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ชาว VI ดูจะซื้อเพื่อใช้อยู่อาศัยจริงมากกว่า และการใช่จ่ายของ VI ดูจะเรียบง่ายมาก รถยนต์ก็จะใช้รถธรรมดา ไม่ได้ซื้อรถราคาแพง ถึงแม้ว่าจะมีเงินพอที่จะซื้อได้ก็ตาม

นักลงทุน VI (Value Invertors) แนะนำการลงทุนในระยะยาว (5-10ปี หรือมากกว่า) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ เพราะไม่เน้นไปที่การเก็งกำไร โดยเลือกหุ้นที่เป็นกิจการที่มีกำไร ธุรกิจสามารถอยู่ได้ในระยะยาว มีการพัฒนารูปแบบของธุรกิจตลอดเวลา เป็นผู้นำตลาด มีปันผลที่ดีจ่ายได้ทุกปี นักลงทุน VI จะเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำเพื่อถือครองในระยะยาวแล้วรอรับปันผลรายปี และลงทุนเพิ่มแบบทบต้นเข้าไปในหุ้นที่เลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว

เช่น ลงทุนเดือนละ 10,000บาท ใน 1ปี พอร์ตลงทุนจะเป็น 120,000บาท เมื่อถึง 10ปี จะเป็น 1,200,000บาท ในส่วนของเงินต้น ส่วนผลตอบแทนและเงินปันผลขึ้นอยู่กับว่าได้ซื้อหุ้นตัวไหนไว้บ้าง มีนักลงทุน VI หลายๆ คนสามารถใช้เงินปันผลที่ได้รับต่อปี นำมาเป็นเงินใช้จ่ายประจำเดือน แต่พอร์ตของ VI จะมากกว่าหลักล้าน จึงจะได้ปันผลมากพอในการนำมาใช้จ่ายประจำเดือน ในกรณีนี้คือ VI คนนั้นไม่ได้เน้นไปที่การเก็งกำไรเพื่อให้ได้ส่วนต่างของราคาหุ้น (Capital gain) และมีบางคนลาออกจากการทำงานประจำแล้ว และมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา สามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้อย่างเต็มที่ จากการลงทุนอย่างมีวินัยและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

หัวข้อที่ว่า หมดยุคทองคำ ดูจะน่ากลัวเกินไปสำหรับผู้ลงทุนในทองคำ แต่ทองคำยังเป็นโลหะที่มีค่ามากที่สุดอยู่ดี ทุกประเทศใช้เป็นทุนสำรองของประเทศ เนื่องจากทองคำถูกขุดขึ้นมามากจนมีจำนวนน้อยลงมาก เหมือนที่น้ำมันก็เหลือน้อยลง ทำให้ตลาดทองคำล่วงหน้า (Gold Future) มีผลกระทบกับราคาทองคำจริงมากขึ้น ราคาทองคำจริงจึงผันผวนมากขึ้น ผู้ถือทองคำจริงจึงมีความเสี่ยงมากขึ้นในทองคำที่ตนเองถือครองอยู่ ถ้ามองในระยะยาวทองคำก็จะกลับไปที่ราคาที่เหมาะสมโดยผู้ถือครองทองคำจริงจะต้องมีใจหนักแน่นต่อราคาผันผวนมากในช่วงนี้

มันยากตรง ทำใจหนักแน่น นี้แหละ


By zurristic






โปรแกรมดูกราฟหุ้น (ติดต่อโบกเกอร์ของคุณ ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)



AgeLoc Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น