คำศัพท์หุ้น
ก่อนหน้าที่ผมจะเปิดพอร์ตหุ้นก็ได้หาข้อมูลและอ่านหนังสือเป็นระยะ เพื่อที่จะเข้าซื้อหุ้นโดยที่ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดด้วยความที่เป็นมือใหม่ และจะเปิดช่อง money channel ดูตลอด ปัญหาที่เกิดคือ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จะพูดภาษาอังกฤษและศัพท์เฉพาะหลายคำที่ฟังแล้วไม่เข้าใจความหมาย คำศัพท์ส่วนใหญ่นักลงทุนโดยทั่วไปจะทราบกันดีอยู่แล้ว จะแชร์ให้กับมือใหม่ที่ยังไม่ทราบนะครับ
คำที่ได้ยินบ่อยและเขียนไปแล้วคือ sideway ก็งงอยู่นานว่าแปลว่าอะไร แล้วมารู้ว่าคือ การที่ราคาหุ้นจะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง ราคาเปลี่ยนแปลงอยู่ในกรอบแคบๆ ทำให้เราตัดสินใจเข้าซื้อไม่ได้
และสองคำที่ต้องได้ยินทุกวัน แนวรับ กับ แนวต้าน คือ ช่วงราคาคาดการณ์ว่าเป็นราคาต่ำสุดและสูงสุดที่หุ้นตัวนั้น หรือดัชนี SET ที่จะขึ้นลงในระหว่างวัน
SET – The Stock Exchange of Thailand ตลาดหุ้นหลัก, MAI – Market for Alternative Investment ตลาดหุ้นรองสำหรับธุรกิจ SME โดยนักลงทุนสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ทั้งสองตลาด
ติดดอย - การซื้อหุ้นที่ราคาขาขึ้น แล้วหุ้นตัวนั้นกลับเป็นขาลงในวันต่อมา แล้วเราไม่ได้ขายออกไป ทำให้ราคาหุ้นที่ซื้อไว้สูงกว่าราคาปัจจุบัน
ขายหมู - เมื่อเราซื้อหุ้นมาแล้ว ราคาหุ้นตัวนั้นขึ้นไปเรื่อยๆ เราเห็นว่าถ้าไม่ขายอาจจะ ติดดอย ได้ เราจึงตัดสินใจขายออกไป แต่แล้วหุ้นตัวนั้นราคาขึ้นต่อไปอีก ทำให้เราเสียดายและดูอ่อนหัด
Winning Ugly – เมื่อขายหมูไปแล้วก็ให้มันแล้วไป อย่างน้อยก็ยังได้กำไรแม้ว่าจะ ชนะแบบไม่สวยนัก
Cut loss – ตัดขาดทุน เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาตก เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด ส่วน Stop loss บางที่เราคิดว่าหุ้นตัวนั้นราคาตกลงไปแล้วน่าจะกลับขึ้นมาได้ แต่มันยังลงต่อไป จึงจำต้องขายทิ้งเพื่อไหยุดการขาดทุนไม่ให้มากไปกว่านี้
Bullish – ตลาดกระทิง ตลาดหุ้นขาขึ้น, Bearish – ตลาดหมี ตลาดหุ้นขาลง
Overbought – มีการเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นจำนวนมากเกินไปแล้ว จะทำให้เกิดการขายหุ้นตัวนั้นออกมาเพื่อทำกำไร และ Oversold คำคู่กันแต่ตรงข้าม มีการขายหุ้นตัวนั้นออกมามากเกินไปแล้ว เป็นจุดต่ำสุดที่หุ้นมีโอกาสจะกลับตัวเป็นขาขึ้น
XD – Excluding Dividend เครื่องหมายแจ้งว่าหุ้นตัวนั้นปิดบัญชีเพื่อที่จะจ่ายปันผล ถ้าซื้อในวันที่ขึ้นเครื่องหมายจะไม่ได้สิทธิ์รับเงินปันผล
SP – Trading Suspension เครื่องหมายแจ้งให้หยุดการซื้อขายหุ้นตัวนั้นชั่วคราว เนื่องจากเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น เช่น เร็วๆ นี้หุ้น MAKRO ขึ้น SP เพราะมีการซื้อขายหุ้นจำนวนมาก (Big lot) โดย CPALL
Capital gain – ส่วนต่างของราคาหุ้นระหว่างราคาที่ซื้อมากับราคาที่ขายออกไป, Dividend เป็นเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่เราถือครองอยู่ การลงทุนในหุ้นจึงมีผลตอบแทนในสองรูปแบบนี้
LTF - Long Term Equity Fund กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ที่ต้องซื้อขายกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เราเปิดพอร์ตลงทุน ไม่สามารถเทรดได้เหมือนหุ้นในตลาดหรือกองทุน ETF โดย บล. จะเป็นผู้นำเงินของเราไปลงทุนในกองทุนนั้น และจ่ายปันผลให้เราตามผลประกอบการที่ทำได้
RMF - Retirement Mutual Fund กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซื้อผ่าน บล. ของเราได้เช่นกัน
ETF - Exchange Traded Fund กองทุนรวมเปิด เป็นกองทุนรวมที่สามารถเข้าซื้อขายได้เหมือนหุ้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการถือครองเหมือน LTF เวลาที่ผมไม่รู้ว่าจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหนดี ก็เข้า ETF นี้แหละครับ และกะว่าจะใช้เป็นการลงทุนระยะยาว
System trade – ระบบการซื้อขายหุ้นด้วยโปรแกรมช่วยในการเข้าซื้อขายหุ้นในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม มีการแจ้งเตือนและซื้อขายอัตโนมัติเพื่อให้ได้กำไรมากสุดและขาดทุนน้อยที่สุด ผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบนี้ พูดไว้ว่า “เป็นความอยุติธรรมอย่างยิ่งสำหรับเหล่าแมงเม่า ที่ต้องเข้ามาเป็นเหยื่อของผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าและเครื่องมือที่ดีกว่าในตลาดหุ้น” ฟังแล้วหนาวเลย
เส้นค่าเฉลี่ยราคาหุ้น – เป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าซื้อขายหุ้น มีหลายรูปแบบ เช่น EMA, MACD ต้องศึกษาเพิ่มเติม เส้นที่นิยมใช้ เช่น เส้นค่าเฉลี่ย 10วัน 25วัน 75วัน
แท่งกราฟรูปคลื่นคือค่า divergence
IPO – Initial Public Offering การเสนอขายหุ้นที่เข้าตลาดในวันแรก
คลิ๊กภาพขยาย
หุ้นขี้บุหรี่ – หุ้นตัวที่ราคาและมูลค่าต่ำ ไม่น่าเข้าลงทุน
หุ้นข้าวมันไก่ – เพิ่งจะได้ยินวันนี้ สมมุติถ้าเราซื้อหุ้นร้านข้าวมันไก่ไว้ แต่ราคามันดันตกลงมา เราก็เห็นลูกค้ายังเยอะอยู่เหมือนเดิม ร้านมีการเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวไก่เข้ามาด้วย แล้วทำไมราคามันถึงตก ถ้าเราเห็นว้าหุ้นตัวนั้นกิจการยังดีอยู่ จงเชื่อมันและถือต่อไป
หุ้นห่านทองคำ – ถ้าเราเลือกหุ้นที่ดีแล้ว หุ้นตัวนั้นจะมีปันผลดีๆ ให้เราทุกปี เหมือนห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ
Fair value – ราคาประมาณการมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้น ดูร่วมกับค่า P/E ได้ว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงไปกับมูลค่าที่ควรจะเป็น ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์แต่ละแห่งจะให้ไว้ไม่เท่ากัน เนื่องจากเป็นการประมาณการมูลค่าจากราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
VI – Value Investors นักลงทุนเน้นคุณค่า นักลงทุนที่ซื้อหุ้นเพื่อต้องการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ได้เลือกแล้วว่าเป็นกิจการที่ดี มีอนาคต ได้รับปันผลที่เหมาะสม ถือหุ้นนั้นในระยะยาวและพร้อมที่จะเติบโตไปกับบริษัท ไม่เน้นที่การเก็งกำไรในราคาหุ้น
ช่างหัวไซปรัส – อันนี้เป็นวลีของ VI ที่บอกว่าเศรษฐกิจต่างประเทศไม่เกี่ยวกับการลงทุนในระยะยาว ไซปรัสจะสั่งปิดธนาคาร หรือขายทองคำสำรองของประเทศออกไปก็ช่างหัวไซปรัส ไม่เกี่ยวกับหุ้นที่เราซื้อไว้ ที่ขายสินค้าให้กับคนในประเทศ
ช่างหัวบาทแข็ง
ช่างหัวทองลง
By zurristic
AgeLoc Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา