Money In Stocks - ออมเงินในหุ้น

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

หุ้น ถอดรหัสโลก





คุมหุ้น ควบคุมโลก 


ในหัวข้อนี้ ขอบอกก่อนว่าเป็นเพียงความเชื่อที่พูดต่อกันมา เป็นจริงตามนี้หรือไม่ก็พิจารณากันดูนะครับ ความเชื่อที่ว่านี้ได้เขียนมาบ้างในบทความก่อนหน้านี้

เริ่มที่ องค์กรควบคุมโลก ที่อยู่เบื้องหลังอำนาจในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ตัวอย่างเช่น การชนะการเลือกตั้งของ โดนัล ทรัมป์ ที่ประชาชนต้องเลือกตัวแทนเข้าไปเลือกประธานาธิบดีอีกต่อหนึ่ง ประชาชนไม่ได้เลือกโดยตรง แม้ว่าจำนวนคะแนนของ ฮิลลารี่ คลินตัน จะมากกว่าในแต่ละรัฐ แต่พอได้ตัวแทนเข้าไปเลือกประธานาธิบดีแล้วปรากฏว่า มีคะแนนที่ตัวแทนเลือก ทรัมป์ มากกว่า ว่ากันว่ามีการลอบบี้ตัวแทนให้เลือกทรัมป์


ทรัมป์ จึงถูกมองว่าเป็นตัวแทนขององค์กรควบคุมโลก โดยมีบุคลิกและนโยบายที่ประชาชนและคนทั่วโลกต่อต้านซึ่งเป็นความต้องการขององค์กร ฯ ที่จะให้ออกมาเป็นแบบนั้นเพื่อหวังให้เกิดปรากฏการณ์อะไรบ้างอย่างที่องค์กร ฯ ต้องการ

แม้แต่การ์ตูน The Simsons ได้ทำนายไว้ล่วงหน้าว่าทรัมป์จะเป็นประธ่านาธิบดี และได้มีอีกหลายฉากที่ทำออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องจริงขึ้นในเวลาต่อมา

ย้อนไปอีกเรื่อง การไปเหยียบดวงจันทร์ ก็ว่ากันว่าเป็น ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ที่มีการร่วมมือกันเพื่อจัดฉากการไปลงดวงจันทร์ โดยมีนักบินอวกาศร่วมมือด้วย แล้วตัดภาพเข้ามาให้ห้องควบคุมการบินของนาซ่าและถ่ายถอดไปทั่วโลกว่าเป็นการเดินทางไปจริง ๆ แต่แท้จริงมีการถ่ายทำไว้ล่วงหน้าในโรงถ่ายหนัง และองค์กรลับที่ว่าอยู่เบื้องหลังทั้งหมดอีกเช่นกัน



การลงจอดของยานบนดวงจันทร์ ดูพอจะเป็นไปได้ เป็นการล่อนลงเหมือนเครื่องบิน เรานึกภาพตอนเครื่องบินที่เรานั่งจะลงจอดในเวลาที่ลมแรงฝนตกยังลงแบบเสี้ยว ๆ เลย การลงของยานแบบนั้นไม่ง่ายเลย มีภาพการฝึกซ้อมที่ลงไม่สำเร็จและยานตกระเบิดด้วย

ส่วน การกลับมายังโลก ยานดีดตัวเองขึ้นจากฐานช่วงล่างของมันด้วยไอพ่นเบา ๆ แบบจุดพุขึ้นได้แค่นั้น ต่อให้ยานดีดตัวขึ้นมาได้สูงพอ มันจะขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศได้แล้วกลับมายังโลก นึกภาพไม่ออกว่ามันจะกลับมาได้ยังไง การไปดวงจันทร์จึงมีข้อสงสัยมากมายกับเหตุการณ์เมือ 50 ปี ที่แล้ว คือหนังสตาร์วอร์ยังดูน่าเชื่อมากกว่า




มาต่อด้วย Bitcoin ตอนนี้ทั่วโลกรู้จักกันบ้างแล้ว บิทคอยน์สร้างโดย Satochi Nakamoto ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่รู้เป็นใคร ไม่มีใครหาตัวเขาพบ แต่เขาได้สร้างผลงานที่เป็นอนาคตของโลก มันจึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือองค์กรลับจะเป็นคนสร้างบิทคอยน์ขึ้นมาแต่สมมุติชื่อ ซาโตชิ ขึ้นมาแค่นั้น

ณ วันนี้ มี Cryptocurrencies มีมากกว่า 1,400 เหรียญ แล้ว ถ้า Facebook เป็นสังคมเสมือนจริงทุกคนในโลกใช้กัน Crypto จึงเป็นรูปแบบของ “เงินเสมือนจริง” ที่จะทำให้มนุษย์เข้าสู่โลกเสมือนจริงไปครึ่งตัว คนญี่ปุ่นนอนกับตุ๊กตายาง คนอาจจะมีเมียเป็นหุ่นยนต์ แม่เจ้า!!! เหมือนกับว่า มีผู้กำหนดรูปแบบความเป็นไปของโลก โดยที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้นอกจากจะไปอยู่ในถ้ำ Bitcoin จึงจะกลายเป็นเงินสกุลหลักของโลกที่ทุกชาติทุกภาษาต้องใช้และเงินดอลลาร์จะมีบทบาทลดลงไป

มาถึง ทฤษฎีระบบผลประโยชน์ ที่ได้อธิบายการมีอยู่ของกลุ่มคนรายใหญ่ที่ควบคุมตลาดเก็งกำไรทุกตลาดในโลก ไม่ว่าจะ ตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ ค่าเงิน สินค้าล่วงหน้าต่าง ๆ จากปรากฏการณ์ในการขึ้นและลงของตลาดหุ้นหรือตลาดอื่นก็ตาม เป็นไปตามหรือใกล้เคียงกับทฤษฏีผลประโยชน์ที่อธิบายไว้ จึงทำให้ย้อนไปดูที่องค์กรควบคุมโลกว่าอาจจะมีอยู่จริงและน่าจะเป็นผู้ควบคุมตลาดเก็งกำไรดังกล่าวมานั้น



ทฤษฎีผลประโยชน์ จึงเป็นเหมือนกุญแจที่ถอดรหัสความเชื่อเรื่ององค์กรควบคุมโลกนี้ว่าอาจจะเป็นจริง เพราะถ้าพวกเขา จัดฉากการไปดวงจันทร์ และ กำหนดตัวผู้นำของประเทศมหาอำนาจได้นั้น การควบคุมตลาดหุ้นทำได้ง่ายกว่าทั้งสองเรื่องนั้นมากนัก เพราะพวกเขามีเงินมหาศาลล้นโลกก็ว่าได้ จึงสามารถกำหนดทิศทางของตลาดรวม ทั้งกำหนดความคิดความเชื่อของนักลงทุนราย่อยและกลุ่มอื่น ๆ ได้อีกด้วย คือให้นักลงทุนเหล่านั้นคิดเหมือน ๆ กัน ภายใต้ชุดความรู้อันเดียวกัน แล้วองค์กรลับจะย้อนศรความคิดนั้นเพื่อทำกำไรจากนักลงทุนส่วนใหญ่นั้น แบบที่เอาเงินในกระเป๋าของคุณออกมาอย่างง่าย ๆ แล้วให้มาขาดทุนในตลาด

ชุดความรู้ที่ถูกนำมาล้างสมองคนทั่วไปอย่างเช่น ภาพยนตร์ ทฤษฎีการบริหารธุรกิจแบบทุนนิยม ตำราตลาดหุ้น กราฟหุ้น ที่ทุกคนจะมีชุดความรู้นั้นเหมือนกันทั้งโลก การครอบงำการบริโภคด้วยการตลาดการโฆษณาต่าง ๆ ชุดความรู้ที่เป็นเหตุเป็นผลนั้นที่อาจใช้ได้ในสภาพเศรษฐกิจทั่วไป แต่นำมาใช้ในตลาดหุ้นไม่ได้ เพราะจะถูกกลุ่มองค์กรลับที่ว่านี้ย้อนศรตลอดเวลา

ทฤษฎีที่แตกต่างจากระบบทุนนิยม อย่างเช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ตรงข้ามกับทุนนิยมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างการไม่มองกำไรเป็นตัวตั้ง เน้นการพึ่งพากัน ช่วยเหลือกัน ที่เกิดเป็น สหกรณ์ หรือ วิสาหกิจชุมชน เป็นการทำการค้าในระดับชุมชน ไม่ได้ใช้ ตัวเงิน เป็นทุนสำคัญ เน้นที่ ทรัพยากรคน ทรัพยากรใรท้องถิ่น เป็นฐานในการบริหารจัดการ

หรืออย่าง ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบสังคมนิยม ก็จะแต่งต่างจาก เศรษฐศาสตร์แบบทุนนิยม เป็นแนวคิดที่ไม่ได้เป็นสายหลักเหมือนทุนนิยมที่ครอบงำคนส่วนใหญ่ของโลกไปแล้ว จีน และ รัสเซีย จึงมีรูปแบบการบริหารประเทศที่แตกต่างจากประเทศกลุ่มทุนนิยม



องค์กรลับที่ว่าเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ทฤษฎีผลประโยชน์ได้พิสูจน์ตัวเองไปพอสมควรแล้วว่านำมาอธิบายตลาดเก็งกำไรทั้งหมดในโลกได้ สองเรื่องนี้จึงมาเชือมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า รายใหญ่ที่ควบคุมตลาดหุ้นจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับองค์กรลับที่ควบคุมโลกที่ว่านั้น

ขอทบทวน ทฤษฎีระบบผลประโยชน์ ว่าเชื่อมโยงไปถึงองค์กรลับได้อย่างไร ในวันที่คนส่วนใหญ่ของตลาดหุ้นแห่งหนึ่ง จำนวน 97% ของคนทั้งตลาด ทำการขายพร้อมกัน องค์กรลับหรือคนส่วนน้อย 3% ได้รับซื้อไว้ทั้งหมด ราคาในวันนั้นจึงขึ้นไปแรง อย่างเช่น ขึ้นไปได้ 20 จุด เป็นต้น

และในทางตรงกันข้าม เมื่อคนส่วนใหญ่ 97% ซื้อพร้อมกันหมดในวันนั้น คนส่วนน้อย 3% ก็จะขายให้ทั้งหมดในปริมาณทั้งหมดเท่ากับที่คนส่วนใหญ่ต้องการซื้อนั้น ตลาดในวันนั้นก็จะลงแรง 15-20 จุด ได้เช่นกัน



สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ได้กำไรคือ เกาะไปกับคนส่วนน้อยที่เป็นองค์กรลับ เราซื้อ เมื่อคนส่วนใหญ่ขายออกมาพร้อมกัน และ เราขาย เพื่อทำกำไร เมื่อคนส่วนใหญ่เข้าซื้อพร้อมกันหมด เราก็จะได้กำไรไปพร้อมกับคนส่วนน้อย 3% นั้นไปด้วย

กรณีเหตุการณ์ปี 2540 วิกฤติต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจนไปถึง 50 บาทต่อดอลลาร์ ภาคธุรกิจที่ต้องใช้เงินดอลลาร์นำเข้าส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบถึงขั้นต้องล้มละลาย แบงค์ชาติคิดว่าจะแทรกแซงพยุงรักษาค่าเงินบาทไว้ได้ด้วยการใส่เงินเข้าไปสู้กับเขา ผลสุดท้ายสร้างความหายนะให้กับประเทศ เงินของพวกเขาท่วมโลกเราจะไปสู้กับเขาได้ยังไง โง่เขลาสุด ๆ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของระบบผลประโยชน์ที่ลิงค์ด้านล่าง เพราะถ้าเขียนจะซ้ำกับที่เขียนมาก่อนหน้าหลายครั้ง

ถึงตรงนี้ไม่อยากให้จริงจังมาก อ่านเป็นเหมือนนิยายหรือเรื่องเล่าก็พอ มันเป็นส่วนหนึ่งของที่มาทฤษฎีผลประโยชน์ ที่มีกลุ่มรายใหญ่ระดับโลกที่มีเงินมหาศาลอยู่ในทุกตลาดเก็งกำไรของทั้งโลก และเป็นผู้ที่จะรอทำกำไรจากเรา


เอาเป็นว่า การลงทุนมีความเสี่ยงสูงอยู่


By zurrist



















 







 



3D Moving Electronica









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น