Money In Stocks - ออมเงินในหุ้น

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

หุ้นทอง หุ้นน้ำมัน




เล่นหุ้นทองคำและน้ำมัน

สำหรับตลาดซื้อขายล่วงหน้าไม่ว่าจะเป็น Gold future หรือ Oil future จะเป็นเรื่องปกติของการเก็งกำไรในราคาน้ำมันและทองคำ แต่ในหุ้นรายตัวปกติจะไม่ได้มีการเก็งกำไรในสินค้าสองตัวนี้โดยตรง จะมีหุ้น PTT, TOP, หรือหุ้นปั๊มน้ำมัน SUSCO, PTG ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน แต่ไม่ได้มีราคาขึ้นลงตามราคาในตลาดโลกเหมือนตลาด Future

มือใหม่หลายคนหรือตัวผมเองก็ไม่ได้เข้าลงทุนในตลาด Future เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นรายตัวทั่วไป เพื่อให้สามารถลงทุนในทองคำและน้ำมันหรือลงทุนในดัชนี SET50, SET100 แบบตลาดล่วงหน้า จึงมีกองทุนหุ้นแบบ ETF ที่อ้างอิงสินทรัพย์ต่างๆ ในแบบตลาดล่วงหน้า เช่น Gold ETF, Set Index ETF, Energy ETF โดยสามารถซื้อขายได้แบบหุ้นตัวปกติและไม่ต้องเปิดพอร์ตใหม่แบบตลาดล่วงหน้า

GLD เป็นกองทุน ETF ทองคำ อ้างอิงราคาทองคำตลาดฮ่องกง และ TGOLDETF จะอ้างอิงตลาดทองคำที่ลอนดอน ซึ่งราคาจะขึ้นลงตามตลาดทองคำโลกตลอด 24ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมี BCHAY, GOLD99, KG965

กราฟทองคำตลาดโลก 24ชั่วโมง


ในช่วงปลายปี 57 ราคาทองคำลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบประมาณ 5ปี ที่ 1,140ดอลล่าร์ต่ออนซ์ ในการเล่นกองทุนทองคำ เราเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาลงมาที่จุดต่ำสุดนี้ แล้วถือรอเพื่อขายเมื่อราคากลับเป็นขาขึ้น ณ วันนี้ที่ 1,300ดอลล่าร์ จะได้กำไรประมาณ 10% จาก GOLD ETF แม้ว่าจะได้กำไรน้อยกว่าตลาด Future แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่ามีโอกาสขาดทุนน้อยกว่าด้วย เพราะ ETF จะขึ้นลงช้ากว่าราคาทองโลกประมาณครึ่งวันเพราะจะมีปริมาณซื้อขายต่อวันไม่มาก โดยเราจะไม่ดูราคาของกองทุนว่าเป็นเท่าใด จะใช้จุดต่ำสุดของราคาทองคำโลกเป็นจุดเข้าซื้อกองทุนทองคำ




GLD ขึ้นไปตามราคาทองโลก



สำหรับคนที่มีทองคำแท่งอยู่ด้วย การคิดราคาทองคำเป็นเงินบาท เราเอาราคาทองคำโลกมาคูณด้วยค่าเงินบาท 32บาทต่อดอลล่าร์ 1,300x32=41,600 แล้วหารด้วย 2 จะได้ 20,800บาท เป็นการคำนวณโดยประมาณ คือ ทองคำ 1 ออนซ์ = ทองคำหนัก 2บาท ของไทยโดยประมาณ เพื่อหาจุดขายทองคำแท่งออกไปจากการที่ติดดอยกันอยู่ จากการซื้อทองคำแท่งไว้เมื่อช่วงที่ราคาขึ้นไปถึง 27,000บาท เมื่อหลายปีก่อน

เราอาจใช้ค่าเงินที่ 31บาทต่อดอลลาร์ เพื่อให้ได้ราคาทองที่ใกล้กับตลาดทองในไทย เพราะจะมีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินและตลาดทองโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะได้เป็น 1300x31 = 40300/2 = 20,150บาท

ณ ที่ 1,300ดอลล่าร์ ทองคำในประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 20,100บาท ถ้าผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ทองคำก็จะขึ้นต่อไปอีก ผู้ที่ติดดอยทองคำแท่งรอจังหวะขายออกที่ 20,500-21,000บาท ก่อนได้

ส่วนกองทุนพลังงาน ENGY และ ENY จะอ้างอิงหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งก็จะวิ่งตามหุ้น PTT เป็นหลัก แต่ในช่วงนี้ราคาน้ำมันโลกลดต่ำลงมาเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกับทองคำ หุ้นพลังงานจึงขึ้นลงตามราคาน้ำมันโลกเช่นกัน จุดต่ำสุดช่วงนี้อยู่ที่ 45-46ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ลงมาจาก 100ดอลล่าร์

การเล่นกองทุน ETF ทองคำและน้ำมัน ในแบบนี้ รอบการเล่นเต็มรอบจะใช้เวลาเป็นเดือนตามรอบการขึ้นลงของราคาตลาดโลก ถ้าเข้าในจุดที่คิดว่าต่ำสุดได้แล้ว โดยเราเข้าเก็บแบ่งเป็นไม้หลายครั้งได้ถ้ายังซื้อในปริมาณที่ไม่มากพอ จังหวะขายสามารถเลือกจุดขายที่มีกำไรประมาณที่ 5% หรือ 10% เพื่อทำกำไรไปก่อน ถ้าไม่มั่นใจว่าจะขายที่จุดสูงสุดได้

กองทุนอ้างอิง SET เช่น ESSET50, TH100, TDEX จะขึ้นลงตามดัชนี SET50, SET100 โดยการเล่นกับการขึ้นลงของดัชนีตลาดก็จะไม่ง่ายนักเพราะเราจะอ่านเทรนการขึ้นลงได้ยากกว่าการเล่นทองคำและน้ำมัน เราเลือกเล่นในจังหวะที่มองเห็นเทรนเป็นขาขึ้นหรือลงที่ชัดเจนน่าจะปลอดภัยกว่า และยังมีกองทุนอ้างอิงกลุ่มหุ้นต่างๆ อีกหลายกอง ดูรายชื่อที่ลิงค์ด้านล่างได้ครับ


กราฟราคาน้ำมันโลก

หุ้น PTT

ENGY ขึ้นตาม PTT


ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมีผลต่อทองคำแน่นอน แต่ในช่วงนี้ทั้งราคาทองคำและน้ำมันผันผวนจากเรื่องเศรษฐกิจโลกมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับอเมริกา ที่มีซาอุดิอาระเบียมาเกี่ยวข้องในเรื่องของราคาน้ำมันและการผลิตเชลล์แก๊สของอเมริกา ทำให้ราคาน้ำมันลงมาถึง 50%

ส่วนทองคำหลังจากที่ราคาลงไปทำจุดต่ำสุดแล้วราคากลับเป็นขาขึ้น ส่วนหนึ่งจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกเช่นกัน จึงมีผลต่อสภาพเศรษฐกิจของยุโรปและส่งผลต่อการถือครองทองคำของประเทศต่างๆ ค่าเงินดอลล่าร์มีผลกับทองคำและน้ำมันในระยะรอบสั้น เป็นระยะๆ เท่านั้น ในช่วงนี้ แต่ขณะนี้ทองคำขึ้นมาที่ 1,300ดอลล่าร์แล้ว จุดเข้าซื้อจะอยู่ที่ประมาณ 1,140-1,160 ในช่วงต่ำสุดจึงจะทำกำไรได้เต็มรอบ ส่วนน้ำมันเพิ่งจะเกิดจุดต่ำสุดที่ 45ดอลล่าร์ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เราควรจะเข้าซื้อแล้วรอการกลับตัวของราคาขึ้นไป


กราฟเงินยูโร


การเข้าซื้อกองทุน ETF ในกลุ่มต่างๆ จึงเป็นอีกทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงจากหุ้นรายตัวและความผันผวนแรงของตลาดในช่วงนี้ เราเน้นทำกำไรให้เต็มรอบจาก ETF โดยเฉพาะทองคำและน้ำมันเป็นช่วงเวลาที่สามารถเห็นรอบของการขึ้นลงของราคาได้ไม่ยากนัก


By zurristic



TGOLDETF
ENY












5.1 Moving Electronica









วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

เจ้ามือหุ้น



เจ้าตลาดหุ้น

ถ้าเราเคยเล่นไพ่ก็จะต้องมีเจ้ามือแจกไพ่และรับจ่ายตังค์ หรือ หวย ล๊อตเตอรี่ ก็มีเจ้ามือ ในวันที่หุ้นลงไป 139จุด -9% ในวันเดียว จากที่ลงมาติดต่อกันสี่วันแล้วก่อนหน้าประมาณ 90จุด ตามกฎจะมีการหยุดซื้อขายเมือมีการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ 10% โดยมีการทุบ PTT ลงมาตามราคาน้ำมันโลก หุ้นตัวอื่นก็ลงตาม จากที่ลงมาสี่วันติดคนส่วนใหญ่ก็คิดว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว จึงเข้าเก็บหุ้นกันแล้วรายใหญ่หรือเจ้ามือก็ทุบหุ้นลงมาอย่างไม่มีการปราณี แม้แต่นักวิเคราะห์ก็งงและบอกว่าเป็นการตั้งใจล่อให้ตายใจแล้วตลบหลังแบบย้อนศร ในวันนั้นนักลงทุนทุกคนก็เจ็บตัวกันไปตามๆ กัน ตามทฤษฎีผลประโยชน์ก็เป็นการทำกำไรของคน 3% ที่มีทุนมหาศาลสามารถกำหนดตลาดได้

จากการที่ราคาน้ำมันลดลงมามากกว่า 50% มีการวิเคราะห์หลายแนวทาง บ้างว่าเป็นสงครามเศรษฐกิจที่อเมริการ่วมมือกับซาอุฯเพื่อที่จะกำจัดรัสเซีย หรือซาอุฯต้องการจะสกัดการผลิตเชลล์แก๊สของอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้ามือในตลาดโลกคือ อเมริกา ที่พยายามจะกำหนดตลาดโลกทั้งหมดให้ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ แม้แต่จีนเองก็ลังแลว่าจะอยู่ข้างรัสเซียหรือจะยอมไปตามแนวทางของอเมริกาดี อเมริกาก็น่าจะเป็นกลุ่ม 3% ที่กำหนดตลาดและเป็นผู้ทำกำไรเหนือกลุ่มนักลงทุนอื่นๆ

จากการที่มีเจ้าตลาดแบบนี้ นักวิเคราะห์บางคนว่า นักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นจึงต้องศึกษาข้อมูลให้มากพอก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดเพราะอาจขาดทุนได้จากความผันผวนที่รุนแรงแบบที่เกิดขึ้นนี้ ผมจึงขอแชร์วิธีการลงทุนที่ลดความเสี่ยงและพอที่จะทำกำไรในตลาดหุ้นได้โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่เข้ามาลงทุนในหุ้น

หลังจากได้ปรับวิธีการเล่นหุ้นให้ช้าลงซื้อขายไม่ถึงสิบครั้งในหนึ่งเดือน หุ้น BEC BGH BMCL TRUE เป็นหุ้นที่ผมเลือกจะถือระยะยาว BEC, BGH พอที่จะรอปันผลได้ 30-50สตางค์ต่อหุ้น ส่วน BMCL TRUE เราจะแบ่งขายทำกำไรได้เพราะไม่มีการปันผล แล้วค่อยมาตามเก็บเมื่อราคาถูกลง



ช่วงที่ช่อง 3 จะจอดำผมเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ แล้ว BEC ขึ้นก็ไปได้ถึง 29% จากการที่มีทีวีดิจิตอล ช่อง3 ถูกปรับราคาที่เหมาะสมลงมาเพราะค่าโฆษณาลดลงตามจำนวนช่องที่มากขึ้น WORK และ RS เป็นหุ้นที่ขึ้นมาเยอะเช่นกันเพราะเป็นทางเลือกของผู้ลงโฆษณาจากรูปแบบรายการที่น่าสนใจ หุ้นสามตัวในกลุ่มสื่อนี้จึงน่าสนใจ

BMCL ไปได้ 20% จากการเพิ่มเส้นทางเดินรถ จะไปถึง 10บาท แบบ BTS ไม่ได้เลยหรือ โดยเราเข้าซื้อเวลาที่ราคาย่อลงไปต่ำกว่า 2บาท และเมื่อมีกำไรก็แบ่งขายออกไป





TRUE ไปได้ 10-15% จากการที่ไชน่าโมบายของจีนเข้ามาถือหุ้นจึงเป็นหุ้นที่เลือกลงทุนระยะกลาง-ยาวได้ ส่วน BGH ผมเข้าแพงไป ขึ้นไป 5% พอได้ หุ้นโรงพยาบาลเข้าลงทุนได้เกือบทุกตัว เช่น BCH, VIBHA, CHG

MTSL บริษัทรีสซิ่งที่มีสาขาพอๆ กับ SAWAD ราคาขึ้นไปที่ 31% จากนโยบาย Micro finance ของรัฐบาล เป็นหุ้นที่น่าจะลงทุนได้ดูจากที่ SAWAD ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าธุรกิจนี้น่าสนใจ





BLAND LHBANK MACO เป็นหุ้นราคาต่ำกว่า 1-2บาท แต่มีสินทรัพย์มาก ส่วน MACO มี VGI ถือหุ้น สามตัวนี้ติดลบหลังมีการทุบตลาด -139จุด แต่ก็ไม่มากเพราะเป็นหุ้นที่คนสนใจลงทุนน้อยราคาจึงขึ้นลงไม่มาก

PJW ทำภาชนะพลาสติกพวก ขวดนม แก้วโยเกิร์ต เป็นหุ้นในแนว ปีเตอร์ ลินซ์ ที่ผลิตสินค้าไม่ซับซ้อนคนไม่ค่อยสนใจ มีการซื้อขายน้อยแต่ราคาขยับวันละ 4-8สตางค์ ได้เหมือนกัน

หุ้นตัวเล็กแบบนี้เราลองเข้าถือดูเพื่อให้เห็นการขึ้นลงของราคาว่าจะตัดสินใจลงทุนในระยะยาวได้หรือไม่ เหมาะกับมือใหม่และผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มากนัก

GLD และ TGOLDETF เป็นกองทุนทองคำ สามารถเอาไว้เข้าเวลาหุ้นตกและมีเงินสดเหลือ จะไปเล่น Gold future หรือ TFEX ก็มีความเสี่ยงมากเกินไป สามารถทำกำไร 3-8% ได้ แม้จะขึ้นลงช้าหน่อยแต่ก็ดีกว่าเอาเงินไปฝากกินดอกเบี้ยหรือถือเงินสดไว้ในพอร์ตเฉยๆ ช่วยบริหารเงินกระจายความเสี่ยงให้เราได้ หลังจากเราแบ่งขายทำกำไรหุ้นตัวอื่นจะมีเงินสดในมือ เราก็เลือกลงทุนในทองคำได้เพราะราคาจะขึ้นลงสวนทางกับหุ้นบ่อยครั้ง

ตัวอย่างการเลือกหุ้นในพอร์ตนี้คือ เราจะถือและแบ่งสลับขายเมื่อราคาขึ้นมาโดยดูที่ค่า RSI เกิน 70% แล้วกลับไปเข้าตัวเดิมเมื่อราคาย่อลงไป จะช่วยให้เราไม่ต้องหาหุ้นตัวใหม่เล่นไปเรื่อยๆ สลับเล่นกับหุ้นตัวเดิมที่เราเลือกไว้แล้วประมาณ 10ตัว ว่าเป็นหุ้นที่ดีมีพื้นฐานรองรับ เราจึงลงทุนในหุ้นในระยะยาวได้และเก็งกำไรระยะสั้นถึงกลางจากการขายทำกำไรเป็นรอบๆ ไป

ถ้าจะเล่นเก็งกำไรระยะสั้นแบบเปลี่ยนตัวเล่นอาจจะแบ่งเงินเล่น 10-20% ลองดู CHO, AKP, PTG, TVD, AAV ที่จะมีการเก็งกำไรเป็นระยะตามสถานการณ์ อย่าง AAV จะขึ้นเมื่อราคาน้ำมันลง PTG, SUSCO ก็จะขึ้นลงตามราคาน้ำมัน หุ้นกลุ่มนี้เราจะไม่ถือคือจะขายทำกำไรทั้งหมดเป็นครั้งๆ ไป เราจะเห็นได้ว่าหุ้นที่เป็น หุ้นเก็งกำไร หรือ หุ้นประเภทลงทุน จะต้องเลือกกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว ให้เหมาะสม จากการแบ่งกลุ่มของหุ้นที่มีพื้นฐานต่างกัน

ถ้าหุ้นรายตัวยังเขียวอยู่ อาจจะไม่ต้องขายก็ได้ถ้าไม่ต้องถอนเงินออกมา ถือไว้ถัวเฉลี่ยพอร์ตให้เขียวกำไรสุทธิเป็นบวก บางทีเรากังวลว่าจะต้องมีเงินสดในมือ แต่พอซื้อๆขายๆ ก็ขาดทุนมากกว่ากำไร

จากวิธีการนี้ ถ้าตลาดลงมาเยอะจะเป็นช่วงที่เราเก็บหุ้นเพิ่ม เช่น BEC TRUE BMCL BGH หรือแม้แต่ MTLS ที่เข้าตลาดมาใหม่ ซึ่งเป็นหุ้นตัวหลักที่จะถือลงทุนระยะยาว จะช่วยให้เราขาดทุนน้อยลงและทำกำไรจากตลาดหุ้นได้


กำหนดกลยุทธ์ของตนเองแล้วทำตามนั้น


By zurristic









Proposal of property
แผนนำเสนอการจัดการที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด






ต้นปี 58 ทองขึ้น และรอหุ้นไปที่ 1,700จุด






Age Technology & Antioxidant
สารต้านอนุมูลอิสระและชะลอความชรา












5.1 Moving Electronica