น้ำตาลเทียม
น้ำตาลเทียมนั้นมีความหวานน้อยกว่าน้ำตาลจริง และมีคุณสมบัติที่ดีคือ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้มากนัก ดังนั้นน้ำตาลเทียมจึงใช้ในการรักษาโรคอ้วนได้ หรือใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และที่สำคัญ คือน้ำตาลเทียมไม่เกิดการหมักในปาก ทำให้ปลอดภัยจากฟันผุ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าน้ำตาลเทียมจะมีแต่ข้อดี ข้อเสียก็มีเหมือนกัน คือ การที่น้ำตาลเทียมไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย หากบริโภคเข้าไปมาก ก็จะไปรวมกันที่บริเวณลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีแบคทีเรียที่สามารถใช้น้ำตาลชนิดนี้ได้ และมีการสร้างแก๊สขึ้นมา ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และถ่ายมากกว่าปกติ แต่อาการนี้ จะหายไปเมื่อหยุดกินน้ำตาลเทียม
ทางที่ดีพยายามลดการกินน้ำตาล ลดอาหารหวาน จะดีกว่า
http://www.doctor.or.th/node/3920
ปัจจุบันแอสพาร์แตมคู่แข่งของซัคคารีน( น้ำตาลเทียมอีกชนิด )กำลังได้รับ ความนิยมในการใช้เป็นน้ำตาลเทียม สำหรับผู้ที่ต้องการความหวาน แต่ไม่ต้องการน้ำตาล เช่น บุคคลที่ต้องการลดความอ้วน
แอสพาร์แตมประกอบด้วยกรดอะมิโนอันเป็นหน่วยย่อยของโปรตีน 2 ตัว คือเฟนนีลอลานิน(phenylalanine) และกรดแอสพาร์ติค(aspartic acid) ที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องแล็บ มีสีขาว ไม่มีกลิ่น มีแต่รสหวาน ไม่มีรสขม หรือรสอื่นเจือปน( แต่ซัคคารีนมีรสขมติดลิ้น ) มีความหวานประมาณ 180-200 เท่าของน้ำตาล ทำให้ใช้เพียงเล็กน้อยก็ให้ความหวานเพียงพอ
เมื่อกินแอสพาร์แตม ร่างกายย่อย เผาผลาญ และให้พลังงาน 4 คาลอรี่/กรัม เหมือนอาหารโปรตีน จึงไม่พบแอสพาร์แตมในเลือด( ส่วนซัคคารีนจะไม่เผาผลาญ และไม่เปลี่ยนแปลง ต้องขับถ่ายออกทางปัสสาวะ )
ข้อจำกัด
ปัจจุบัน ยังไม่พบอันตรายจากน้ำตาลเทียมแอสพาร์แตม มีแค่บางคนมึน ปวดศรีษะ หงุดหงิด เหนื่อยอ่อน และนอนไม่หลับ อาการเบาบาง ไม่รุนแรง และไม่บ่อย
จึงสัษนิษฐานว่าเป็นอาการแพ้เหมือนคนบางคนแพ้อาหารบางชนิด พอสรุปได้ว่าไม่มีอันตรายต่อคนปกติ
สำหรับคนเป็นโรค phenylketouria(ร่างกายเผาผลาญเฟนนีลอลานินไม่ได้ ) ไม่ควรกินน้ำตาลเทียมชนิดนี้
ข้อเสีย
- เก็บไม่ได้นานเกินหนึ่งปี
- สลายตัวที่อุณหภูมิสูง เมื่อสลายตัวจะหมดรสหวาน จึงใช้ปรุงอาหารที่ต้องผ่านความร้อนสูง
เช่น เค้ก คุกกี้ ไม่ได้ แต่ใส่ได้ภายหลังหุง ต้มเสร็จแล้ว และอาหารเย็นลงได้
ที่มา: หนังสือ"เรื่องต้องรู้เพื่อชีวิต เคมีในบ้าน" โดย อรวินท์ โทรกี
กาแฟกับกระดูกพรุน
จากการศึกษาพบว่ากาแฟทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลงเล็กน้อยประมาณ 27 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับนม 1-2 ช้อนโต๊ะ และไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น
ปริมาณแคลเซียมเท่านี้ไม่น่าจะทำให้คนที่กินแคลเซียมมากพอเป็นโรคกระดูกพรุน หากกังวลก็สามารถเติมนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันลงไปในกาแฟเพื่อชดเชย หรือดื่มนมเพิ่มสำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2 ถ้วยขึ้นไป
ข้อดี ข้อเสีย ของกาแฟ
HealthySkin:
ถ้ายังต้องกินหวาน ก็ใส่น้ำตาลสลับกับน้ำตาลเทียม
คนที่กินกาแฟ ไม่ให้กินก็ยากอยู่
สำหรับครีมเทียมที่อันตราย เราก็ใส่นมจืดแทนได้ ครับ
หรือจะลองกาแฟใส่ขิง คือ ไม่ใส่น้ำตาล นะครับ หมอบอกว่า เพื่อปรับการดื่มกาแฟให้เป็นรสอื่นที่ไม่ให้กินหวาน
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=170969
หรือจะลองกาแฟใส่ขิง คือ ไม่ใส่น้ำตาล นะครับ หมอบอกว่า เพื่อปรับการดื่มกาแฟให้เป็นรสอื่นที่ไม่ให้กินหวาน
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=170969
ครีมเทียม อันตรายอย่างไร
http://healthyskiner.blogspot.com/2011/02/blog-post_27.html
http://healthyskiner.blogspot.com/2011/02/blog-post_27.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น